กองทุนหุ้นต่างประเทศยังเป็นที่นิยม ไตรมาสแรกมีเงินออกไปลงทุนเกือบ แสนล้านบาท นำโดยหุ้นจีน ญี่ปุ่น เอเชีย ขณะที่อุตสาหกรรมกองทุนไตรมาสแรกโตขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.19%
นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์กองทุนรวม บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมกองทุนรวมของไทยมีการเติบโตขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.19% มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 3.815 ล้านล้านบาท มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ทั้งกองทุนรวมต่างประเทศ รวมถึงกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ที่ออกมาหลายกองทุนและได้รับความนิยม
โดยในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมากองทุนที่ได้รับความสนใจยังเป็นกลุ่มกองทุนประเภท Height Yield Bond มีเงินไหลเข้ากว่า 1300,00 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ และมีหลาย บลจ.เริ่มออกกันต่อเนื่อง
ส่วนกองทุนหุ้นต่างประเทศได้รับความสนใจต่อเนื่อง มีกองทุนออกใหม่ 9 กองทุนมูลค่า 12,500 ล้านบาท และทำให้ยอดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมหุ้นต่างประเทศทั้งหมดเกือบ 1 แสนล้านบาท ขณะที่กองทุนหุ้นไทยมีมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 180,000 ล้านบาท จึงเห็นได้ว่ามีนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในกลุ่มกองทุนหุ้นต่างประเทศมีเงินไหลเข้ากองทุนหุ้นจีนกว่า 7,295 ล้านบาท รองลงมาคือกองทุนหุ้นญี่ปุ่นมีเงินไหลเข้าประมาณ 2,690 ล้านบาท และหุ้นกลุ่มเอเชีย-แปซิฟิก มีเงินไหลเข้าประมาณ 2,021 ล้านบาท แต่กองทุนหุ้นยุโรปกลับมีเงินขายออกไปกว่า 1,686 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการลงทุนในกองทุนต่างประเทศที่มีกว่า 250,872 ล้านบาทนั้น แบ่งเป็นกองทุนกลุ่มตราสารหนี้ต่างประเทศทั่วโลก (Global Bond) 14.99% กองทุนทองคำ 13.56% กองทุนหุ้นจีน 8.71% กองทุนหุ้น Health Care 8.04% และหุ้นกลุ่มเอเชีย แปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น 7.49%
“ขณะที่กองทุนหุ้นไทยยังได้รับความนิยมต่อเนื่อง ในไตรมาสแรกยังมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยแม้ในช่วงเดือนแรกจะมีเงินไหลออกไปบ้าง อย่างไรก็ตาม แนะนำว่านักลงทุนควรกระจายการลงทุน เพราะไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนสูงต่อเนื่องไปตลอด”นายกิตติคุณกล่าว