คอลัมน์ ชวน “คนไทย ใช้กองทุนรวม”
โดย บลจ.ธนชาต
คำถามยอดฮิตที่ผมได้ยินอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับคำตอบผมคงต้องบอกว่า แล้วแต่บุคคลครับ เล่นหุ้นเองก็อาจจะได้ผลตอบแทนที่มากกว่า หรือเรียกง่ายๆ ว่าอาจรวยเร็วกว่า แต่จะรวยง่ายกว่าหรือไม่ ขึ้นกับผู้ลงทุนเป็นหลัก ซึ่งผมมีตารางที่อยากจะแบ่งปันท่านผู้อ่านเพื่อให้ท่านจะได้ทราบว่าตัวท่านเองเหมาะกับการลงทุนแบบไหนกันแน่
จากตารางที่ 1 เราจะพบว่าจำนวนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 578 ตัว มีหุ้นถึง 312 ตัว (หรือร้อยละ 54 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ที่มีผลตอบแทนในปี 2557 สูงกว่า SET index ในขณะที่มีจำนวนกองทุนหุ้นไทยที่ทำผลตอบแทนได้มากกว่า SET index ถึง 76 กองทุน จาก 136 กองทุน หรือร้อยละ 56 กล่าวได้ว่า ในแง่ผลงานผ่านกองทุนรวมกับผู้ลงทุนเลือกลงทุนเองจากสถิติในปี 2557 ก็พอๆ กัน
แต่ถ้าเราพิจารณาในจำนวนหุ้นที่มีผลตอบแทนติดลบ ซึ่งมีอยู่ถึง 121 ตัว หรือร้อยละ 21 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เปรียบเทียบกับกองทุนหุ้นที่ทำผลงานติดลบมีเพียง 1 กองทุน จาก 136 กองทุนนั้น ก็ถือได้ว่า ลงทุนผ่านกองทุนรวม น่าจะลดความเสี่ยงขาลง (Downside risk) ได้ดีกว่าลงทุนเอง.... แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
ผมขออธิบายในมุมมองเรื่องของเวลาในการติดตามข่าวสาร กับหน้าที่ของผู้จัดการกองทุนที่จะช่วยกรอง ช่วยติดตาม และช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนเปรียบเทียบกับเราลงทุนเองได้
เมื่อเราพิจารณาตารางที่ 2 ก็จะพบข้อสังเกตที่น่าสนใจอีกว่า การลงทุนในหุ้นรายตัวได้ผลตอบแทนสูงมาก หุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในปี 2557 ทำผลตอบแทนได้ถึงร้อยละ 1,537 เรียกว่า ถ้าเราเลือกถูกตัว ลงทุนถูกที่ ลงทุนถูกเวลา เราก็จะได้รับผลตอบแทนที่สูงมากและสูงกว่าการลงทุนในกองทุนรวมอย่างแน่นอน แต่ถ้าเราเลือกผิดล่ะครับ ลองมาดูว่า หุ้นที่ทำผลงานที่แย่ที่สุดในปี 2557 ติดลบถึงร้อยละ 87.03 ทีเดียว ในขณะที่กองทุนหุ้นไทยที่แย่ที่สุดทำผลตอบแทนติดลบเพียงแค่ร้อยละ 4.74 และที่สำคัญมีเพียงกองทุนเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ท่านผู้อ่านต้องถามและวิเคราะห์ตัวเอง ว่าเรามีความรู้ ความสามารถ หรือความได้เปรียบที่จะเลือกลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งที่ถูกต้องถูกจังหวะได้หรือไม่ ถ้าเราไม่มีหรือไม่แน่ใจว่าเรามี ลงทุนในกองทุนรวมเถอะครับ ปล่อยให้ผู้จัดการกองทุนเขาทำหน้าที่แทนเราในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน ผลตอบแทนจากการลงทุนอาจจะไม่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าท่านเลือกลงทุนในหุ้นรายตัว (ถ้าท่านเลือกถูก) แต่ในแง่ความเสียหาย ผมมั่นใจว่า...น้อยกว่าการที่ท่านเลือกหุ้นผิดตัวมากนักครับ
โดย บลจ.ธนชาต
คำถามยอดฮิตที่ผมได้ยินอยู่บ่อยๆ แต่สำหรับคำตอบผมคงต้องบอกว่า แล้วแต่บุคคลครับ เล่นหุ้นเองก็อาจจะได้ผลตอบแทนที่มากกว่า หรือเรียกง่ายๆ ว่าอาจรวยเร็วกว่า แต่จะรวยง่ายกว่าหรือไม่ ขึ้นกับผู้ลงทุนเป็นหลัก ซึ่งผมมีตารางที่อยากจะแบ่งปันท่านผู้อ่านเพื่อให้ท่านจะได้ทราบว่าตัวท่านเองเหมาะกับการลงทุนแบบไหนกันแน่
จากตารางที่ 1 เราจะพบว่าจำนวนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 578 ตัว มีหุ้นถึง 312 ตัว (หรือร้อยละ 54 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด) ที่มีผลตอบแทนในปี 2557 สูงกว่า SET index ในขณะที่มีจำนวนกองทุนหุ้นไทยที่ทำผลตอบแทนได้มากกว่า SET index ถึง 76 กองทุน จาก 136 กองทุน หรือร้อยละ 56 กล่าวได้ว่า ในแง่ผลงานผ่านกองทุนรวมกับผู้ลงทุนเลือกลงทุนเองจากสถิติในปี 2557 ก็พอๆ กัน
แต่ถ้าเราพิจารณาในจำนวนหุ้นที่มีผลตอบแทนติดลบ ซึ่งมีอยู่ถึง 121 ตัว หรือร้อยละ 21 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เปรียบเทียบกับกองทุนหุ้นที่ทำผลงานติดลบมีเพียง 1 กองทุน จาก 136 กองทุนนั้น ก็ถือได้ว่า ลงทุนผ่านกองทุนรวม น่าจะลดความเสี่ยงขาลง (Downside risk) ได้ดีกว่าลงทุนเอง.... แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
ผมขออธิบายในมุมมองเรื่องของเวลาในการติดตามข่าวสาร กับหน้าที่ของผู้จัดการกองทุนที่จะช่วยกรอง ช่วยติดตาม และช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนเปรียบเทียบกับเราลงทุนเองได้
เมื่อเราพิจารณาตารางที่ 2 ก็จะพบข้อสังเกตที่น่าสนใจอีกว่า การลงทุนในหุ้นรายตัวได้ผลตอบแทนสูงมาก หุ้นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในปี 2557 ทำผลตอบแทนได้ถึงร้อยละ 1,537 เรียกว่า ถ้าเราเลือกถูกตัว ลงทุนถูกที่ ลงทุนถูกเวลา เราก็จะได้รับผลตอบแทนที่สูงมากและสูงกว่าการลงทุนในกองทุนรวมอย่างแน่นอน แต่ถ้าเราเลือกผิดล่ะครับ ลองมาดูว่า หุ้นที่ทำผลงานที่แย่ที่สุดในปี 2557 ติดลบถึงร้อยละ 87.03 ทีเดียว ในขณะที่กองทุนหุ้นไทยที่แย่ที่สุดทำผลตอบแทนติดลบเพียงแค่ร้อยละ 4.74 และที่สำคัญมีเพียงกองทุนเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ท่านผู้อ่านต้องถามและวิเคราะห์ตัวเอง ว่าเรามีความรู้ ความสามารถ หรือความได้เปรียบที่จะเลือกลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งที่ถูกต้องถูกจังหวะได้หรือไม่ ถ้าเราไม่มีหรือไม่แน่ใจว่าเรามี ลงทุนในกองทุนรวมเถอะครับ ปล่อยให้ผู้จัดการกองทุนเขาทำหน้าที่แทนเราในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน ผลตอบแทนจากการลงทุนอาจจะไม่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าท่านเลือกลงทุนในหุ้นรายตัว (ถ้าท่านเลือกถูก) แต่ในแง่ความเสียหาย ผมมั่นใจว่า...น้อยกว่าการที่ท่านเลือกหุ้นผิดตัวมากนักครับ