นักเศรษฐศาสตร์ อลิอันซ์กรุ๊ป ชี้บรรยากาศการลงทุนไทยดีขึ้นหลังการเมืองสงบ แถมแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อจากอานิสงส์ในประเทศและราคาน้ำมันที่ลดลง ระบุประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมสูงวัยหนุนธุรกิจประกันชีวิตโตเฉลี่ย 10% ต่อปีไปจนถึงปี 2568 หรืออีก 10 ปีต่อจากนี้
ดร.ไมเคิล ไฮส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มอลิอันซ์ ประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมานักลงทุนยังลังเลที่จะลงทุนในประเทศไทย แต่หลังจากสถานการณ์ดีขึ้นแล้วนักลงทุนเริ่มสนใจที่จะเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยคาดว่าจีดีพีของไทยในปีนี้น่าจะเติบโตได้ถึงระดับ 3.8% อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาการเมืองขึ้นอีกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่เคยเป็น
ในด้านการส่งออก ในปีนี้ประเทศไทยน่าจะได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่ลดลง รวมถึงการลดลงของอัตราน้ำมันจะส่งผลให้ความต้องการด้านการบริโภคเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจัยที่จะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจไทยคือ การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการเงินของสหรัฐฯ แต่ก็เชื่อว่าประเทศไทยน่าจะสามารถผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้ต่อไป
สำหรับราคาน้ำมันที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยนั้นเชื่อว่าราคาน้ำมันจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังอาจมีการปรับขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามท่าทีของโอเปกที่จะมีการประชุมกัน รวมถึงผู้ผลิตฝั่งสหรัฐฯ ด้วยว่าจะมีการแข่งขันด้านราคาไปจนถึงเมื่อไร
“ที่ต้องจับตาคือสถานการณ์การเงินของสหรัฐอเมริกาที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเอเชียได้ ซึ่งการดำเนินนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จะส่งผลต่อเม็ดเงินที่เข้ามาลงทุนในเอเชียและเศรษฐกิจโลก แต่เชื่อว่าเฟดจะทราบปัญหานี้ดีและจะไม่ทำให้บานปลายออกไป และต้องการควบคุมค่าเงินดอลลาร์ไม่ให้ปรับตัวแข็งขึ้นจนเกินไปอีกด้วย”
ดร.ไฮส์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มของธุรกิจประกันชีวิตในไทยเชื่อว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และจำนวนประชากรในวัยทำงานเริ่มน้อยลง ซึ่งคนกลุ่มนี้จะเริ่มมีการวางแผนการเกษียณอายุ และหันมาสนใจการลงทุนในประกันชีวิตและประกันภัยมากขึ้น
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบต่อตลาดประกันในประเทศไทย โดยการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยระยะยาวที่ 9% ในปี 2557 แต่เราคาดว่าตลาดประกันในประเทศไทยจะรักษาอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 ในอัตราเฉลี่ยที่ 10% ต่อปี