กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน หรือ JASIF ประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย 10.00 บาทต่อหน่วย พร้อมทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งแรกในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมิน (JASIF) ได้ประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายที่ราคา 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากองทุนที่ 55,000 ล้านบาท โดยผู้จองซื้อทั่วไปสามารถตรวจสอบผลการจัดสรรได้ที่ประกาศในเว็บไซต์ www.settrade.com และเว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558
ทั้งนี้ ราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาจองซื้อที่ 10.50 บาทต่อหน่วย ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนในประเทศและผู้สนับสนุนการขายหน่วยลงทุนจะดำเนินการคืนเงินส่วนต่างระหว่างราคาเสนอขายสุดท้ายกับราคาจองซื้อให้แก่ผู้จองซื้อตามสัดส่วนของเงินค่าจองซื้อ รวมถึงผู้จองซื้อที่ไม่ได้รับการจัดสรรไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน ภายใน 14 วัน นับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาการเสนอขายครั้งแรก
โดยกองทุนรวม JASIF จะทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรกในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 นี้
สำหรับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตจัสมินจะเข้าลงทุนครั้งแรก ได้แก่ กรรมสิทธิ์ในเส้นใยแก้วนำแสง 980,000 คอร์กิโลเมตร ประกอบด้วย (1) เส้นใยแก้วนำแสง จำนวนรวมประมาณไม่น้อยกว่า 800,000 คอร์กิโลเมตร ที่บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS จะส่งมอบให้ JASIF ณ วันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น และ (2) เส้นใยแก้วนำแสง จำนวนรวมประมาณ 180,000 คอร์กิโลเมตร ที่ TTTBB จะทยอยส่งมอบให้ JASIF ภายใน 2 ปี นับจากวันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น
ก่อนหน้านี้ นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จุดเด่นของ JASIF ซึ่งได้แก่ เส้นใยแก้วนำแสงที่กองทุนจะลงทุนมีอายุการใช้งานมาแล้วเฉลี่ยเพียงประมาณ 4 ปี และวางโครงข่ายไว้ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย ขณะที่รายได้ค่าเช่าของกองทุนเติบโตสม่ำเสมอ มีโอกาสจ่ายผลตอบแทนที่น่าสนใจให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยรายได้ค่าเช่าของกองทุนจะเป็นไปตามสัญญาเช่าระหว่างกองทุนกับ TTTBB ซึ่งจะปรับขึ้นตามอัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์ แต่ไม่เกินร้อยละ 3 ต่อปี และคาดว่าในปี 2558 กองทุนจะสามารถจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ 4,962.9 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นในรูปของเงินปันผล 4,501.9 ล้านบาท และการลดทุน 461.0 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มการเติบโตสูง ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในระดับต่ำเพียงร้อยละ 24.6 ในปี 2556 เทียบกับช่วงร้อยละ 70.3-99.6 ของประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี และสิงคโปร์ คาดว่าอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของไทยจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นร้อยละ 35.4 และร้อยละ 44.0 ในปี 2559 และปี 2562
นอกจากนี้ TTTBB ในฐานะผู้เช่าหลักมีผลการดำเนินงานที่เติบโต โดย TTTBB มีรายได้เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทย โดยมีรายได้ในปี 2556 เท่ากับ 9,623 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 22.6 ต่อปี ในระหว่างปี 2554 ถึงปี 2556 และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 2556 เท่ากับ 4,610 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 27.2 ต่อปี ในระหว่างปี 2554 ถึงปี 2556 และการที่ JAS จะถือหน่วยลงทุนร้อยละ 33.33 ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดในปีที่ 1-3 และจะถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 19 ในปีที่ 4-6