นักวิเคราะห์กองทุนรวม บล.ฟิลลิปมองยุโรปทำ QE ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่้วโลก ขณะที่จีนเองก็ได้อานิสงส์การส่งออก พร้อมแนะหาโอกาสลุยลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะกองทุน FIF ทางด้าน บลจ.ธนชาตจ่ายคืนกองยุโรป 4%
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund Super Mart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังการเพิ่มประมาณการทำ QE ของยุโรปออกมาเป็น 6 หมื่นล้ายยูโรต่อเดือนก็มีแนวโน้มที่ดีต่อตลาดหุ้นในช่วงนี้ แต่ยุโรปในสัปดาห์นี้ก็มีแนวโน้มผันผวนเล็กน้อยจากการเลือกตั้งของประเทศกรีซที่พรรคฝ่ายค้านได้คะแนนเสียงข้างมากในสภาขณะนี้ และพรรคฝ่ายค้านเองก็มีแนวโน้มจะยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดซึ่งเป็นเงื่อนไขในการรับความช่วยเหลือจากลุ่มยูโรโซน ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นปัจจัยที่กดดันตลาด และมีความเสี่ยงที่จะทำให้มีเรื่องการผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น หรืออาจจะมีการขอเลื่อนการชำระหนี้ออกไป ส่วนเรื่องกรีซจะออกจากกลุ่มยูโรโซนหรือไม่นั้นเรายังมองว่าเป็นไปได้ยาก
นอกจากนี้คงต้องติดตามการประชุม FOMC ในช่วงนี้ว่า FED จะมีมุมมองอย่างไรกับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก และอัตราการว่างงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่องที่ออกมาพร้อมกับตัวเลขประกอบการบริษัทที่ดีกว่าคาด ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขต่างๆ นี้อาจจะทำให้มีแรงกกดันว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ขณะเดียวกัน ปัจจัยบวกต่อตลาดจีนในระยะนี้ก็คือ มาตรการ QE ของยุโรปจะช่วยการส่งออกของจีนให้ดีขึ้นได้ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินหยวน และถ้าเศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัว จีนเองก็มีแนวโน้มที่ดีในการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นอีกทาง
“ภาพโดยรวมของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มที่ดี ทำให้เรามองว่าช่วงนี้เป็นโอกาสลงทุนกับกองทุนต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ และเน้นการลงทุนแบบระยะยาว” นายสานุพงศ์กล่าว
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจยุโรปในปี 2558 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB เพราะการประกาศในครั้งนี้มีจุดที่น่าสนใจอยู่ 3 จุดใหญ่ คือ 1) เม็ดเงินที่ทำ QE มีมากกว่าคาด 2) ไม่ได้ระบุเวลาที่แน่นอน เพราะหากอัตราเงินเฟ้อไม่เป็นไปตามที่ต้องการคือ 2% ทาง ECB ก็จะพิจารณาว่าจะทำ QE ต่อหรือไม่
และ 3) การที่ ECB จะซื้อพันธบัตรเพียง 20% ของวงเงินที่ประกาศ ส่งผลให้ประเทศสมาชิกต้องรับผิดชอบ 80% ที่เหลือ ถือเป็นนัยอย่างหนึ่งว่าปัญหานี้เป็นเรื่องของทุกประเทศที่ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้
ทั้งนี้ บลจ.ธนชาตเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจยุโรปยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลักความพยายามแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
ล่าสุดกองทุนเปิด T-EuropeChallenge#1 ซึ่งเป็นกองทริกเกอร์หุ้นยุโรป สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดแล้ว โดยสามารถทำกำไร 4% ตอบรับผลจากมาตรการ QE ที่เพิ่งมีการประกาศมาก่อนหน้านี้ โดยกองทุนเปิด T-EuropeChallenge#1 เป็นกองทุนที่มีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ใน 1 ปี (เป็นเพียงเป้าหมายเลิกกองทุน ไม่ใช่ตัวการประมาณการหรือรับประกันอัตราผลตอบแทน)
โดยมีนโยบายทยอยจ่าย 4% เมื่อถึงเป้าหมาย ซึ่งกองทุนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งทาง ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถสั่งขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดธนชาตตลาดเงิน (T-MONEY) ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2558 เป็นต้นไป