xs
xsm
sm
md
lg

จับตาปัญหารัสเซียกระทบการลงทุน หุ้นไทยยังน่าสนใจ-อาจหั่นดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ทหารไทย ชี้ จับตาปัญหาการคว่ำบาตรรัสเซีย อาจส่งผลรุนแรงเกิดผิดนัดชำระหนี้ ทำศก.โลกชะลอตัว ขณะที่ สหรัฐฯเริ่มฟื้นตัวตลาดยังให้ผลตอบแทนดี ดึงเงินไหลเข้า ขณะที่หุ้นไทยปี 58 ยังลงทุนได้ แม้ ศก. ยังชะลอและอาจลด ดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้น

นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า จากการที่ราคาน้ำมันได้ปรับลดลงมานั้น เป็นปัจจัยหนุนต่อเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเกิดใหม่รวมทั้งประเทศไทย ทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

 แต่ในช่วงปี 2558 ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่มาจากปัญหาประเทศรัสเซียที่โดนคว่ำบาตร จนอาจทำให้รัสเซียเกิดปัญหาผิดนัดชำระหนี้ได้ และประเทศหรือที่ลงทุนอยู่ในรัสเซียจะมีความเสี่ยงได้ โดยเฉพาะประเทศในยุโรป ซึ่งก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการผิดนัดชะระหนี้ เพราะราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลต่อเศรษฐกิจของรัสเซียที่ส่งออกพลังงานด้วย หากเกิดการผิดนัดชำระหนี้ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอลงได้

ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นในช่วงปี 2558 จึงก็ยังคงมีความผันผวนจากความเสี่ยงในเรื่องราคาพลังงานที่ลดลง ปัญหาการคว่ำบาตรประเทศรัสเซีย รวมไปถึงเศรษฐกิจของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน แต่ก็คาดว่าราคาน้ำมันจะไม่ปรับลดลงไปต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐฯ

 อย่างไรก็ตามแนวโน้มของตลาดหุ้นโลกก็ยังเป็นขาขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มฟื้นตัว และมีปัจจัยราคาน้ำมันที่ถูกลงเป็นปัจจัยสนับสนุนด้วย ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปในปี 2558 ก็ยังคงไม่ฟื้นตัว ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าทาง ธนาคารกลางยุโรปน่าจะทำ QE อีกครั้ง

"ปัญหาเรื่องการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกจับตามองเพราะถือเป็นความเสี่ยงในปีหน้า ซึ่งเห็นได้จากการเทขายหุ้นออกจากตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนธันวาคมเพราะไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของรัสเซียและราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง"

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯกก็ยังมองว่าไม่น่าจะปรับตัวขึ้นเร็วแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้นแต่ ยังเป็นในช่วงการเพิ่มฟื้นตัว ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่ต่ำก็ยังไม่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นสหรัฐฯจึงยังไม่น่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว

 โดยยังมองว่าน่าจะปรับขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ยังไม่น่าจะรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพราะยังไม่มีปัจจัยเงินเฟ้อมากดดัน คาดว่าระดับอัตราดอกเบี้ยน่าจะคงที่หรือปรับลดลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งมีแนวโน้มที่อาจจะปรับลดลงมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรกของ 2558

"การลงทุนในหุ้นยังสามารถลงทุนได้ในช่วงปี2558 เพราะตลาดหุ้นโลกยังเป็นขาขึ้น ซึ่งหุ้นสหรัฐฯนักวิเคราะห์ยังมองว่าในปีหน้าตลาดหุ้นสหรัฐฯจะเป็นขาขึ้นแม้ว่าราคาจะแพงแต่ยังมีจังหวะให้ลงทุนได้และยังให้ผลตอบแทนได้ระดับ 5-10% ขณะที่หุ้นไทยในปีก็ยังเป็นขาขึ้นยังลงทุนได้เช่นเดียวกันหุ้นสหรัฐฯที่ยังให้ผลตอบแทนได้ระดับ 5-10% ส่วนในภูมิภาคเอเชียที่นักลงทุนให้ความสนใจและมีเงินเข้าไปลงทุนมากคือหุ้นจีน และญี่ปุ่น ที่ราคาถูกและมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสูงในปีหน้า"

ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ น้ำมัน ตอนนี้ไม่มีแรงเก็งกำไรเข้ามาเพราะเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็อาจจะมีเงินไหลเข้ามาเก็งกำไรบ้างแต่ยังไม่เห็น

นายตรีพล ภูมิวสนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันระดับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโต แต่จะเติบโตได้มากเท่าใดต้องคอยดูตัวเลขผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า และจะส่งผลไปถึงการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน

ส่วนอัตราดอกเบี้ยของไทยมองว่ายังไม่มีปัจจัยอะไรให้ต้องปรับขึ้น แต่อาจจะปรับลดลงมากกว่าเพราะเศรษฐกิจที่อาจจะชะลอตัว การบริโภคที่ไม่สูงแต่การลงทุนในปีหน้านั้นยังมองไม่ชัดว่าจะเป็นอย่างไร แต่หากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาก็เป็นโอกาสทยอยลงทุนได้     

โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่มองว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามการเติบโตของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันราคาหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่ไม่แพงอยู่ในระดับ 12.5 เท่า ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นยุโรปก็เป็นโอกาสที่น่าลงทุน ดังนั้น การลงทุนในปีหน้าจึงควรจะกระจายการลงทุนไปต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยง

นอกเหนือจากการลงทุนในหุ้นไทยที่ราคาขึ้นมาสูงแล้ว ซึ่งหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาก็สามารถทยอยเข้าลงทุนได้ แต่หุ้นไทยก็ยังมองว่าในปีนี้ยังดีบริษัทจดทะเบียนน่าจะมีกำไรเติบโตที่ระดับ 12% ได้ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงในเรื่องภาคการส่งออก

 " ตลาดหุ้นโลกจะยังมีความผันผวนอยู่มากและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต เพราะฉะนั้นการกระจายความเสี่ยงจะสำคัญมากยิ่งขึ้น จากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปีจะพบว่า หากกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนโดยแบ่งลงในหุ้นไทย สหรัฐฯ ยูโร ญี่ปุ่น และตลาดเกิดใหม่  ในสัดส่วนเท่าๆ กัน จะสามารถลดความเสี่ยงของผลตอบแทนได้ถึง 36%"


กำลังโหลดความคิดเห็น