ทิสโก้มองปีหน้าเศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ แต่มีปัจจัยต้องติดตาม ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังไม่ชัดเจน รวมทั้งเศรษฐกิจไทยที่ยังอยู่ในช่วงปฏิรูป แนะกระจายลงทุนต่างประเทศ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ในช่วง 12 เดือนจากนี้การลงทุนมีความท้าทายมาก เพราะในช่วง 12 เดือนข้างหน้าสภาพคล่องจะหายไปหลังจากในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีเม็ดเงินที่มาจากการอัดฉีดเงินของสหรัฐฯ จำนวนมากไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งการหยุดทำ QE ของเฟดทำให้ไม่มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น สินทรัพย์ที่มีความไม่ชัดเจนจะยังไม่เข้าไปลงทุน
โดยสหรัฐฯ จะหยุดการทำ QE แต่ยุโรปกับญี่ปุ่นยังทำอยู่ แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อยู่ภายในประเทศเงินจึงไม่ออกไปตลาดต่างประเทศ ด้านตลาดตราสารหนี้ แนวโน้มการขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในช่วงปีหน้าทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวจึงไม่น่าสนใจ ควรเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
“มองว่าในปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ยุโรปน่าจะชะลอตัวต่อไปอีก 1 ปี ส่วนญี่ปุ่นต้องดูการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นได้แค่ไหน แต่ถือว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวกว่ายุโรป แต่โดยรวมเศรษฐกิจโลกในปีหน้ายังเติบโตได้”
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของหุ้นไทยนั้นเรามองว่า จากปีนี้ไปการอยู่ในช่วงปฏิรูปเศรษฐกิจทำให้ตลาดหุ้นไม่สูงขึ้นมาก แนวโน้มจะเคลื่อนไหวในระดับไซด์เวย์ เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดไว้
“หุ้นที่มองว่าน่าลงทุนในขณะนี้คือ หุ้นสหรัฐฯ เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจกำลังเป็นขาขึ้น รวมถึงญี่ปุ่น ที่เศรษฐกิจมีความชัดเจน ส่วนหุ้นไทยการลงทุนควรลงทุนในกลุ่มที่ไม่มีความเสี่ยงจากปัจจัยตลาด ส่วนระดับราคาที่สูงทำให้การลงทุนในตลาดนี้จะมองเรื่องปัจจัยพื้นฐานเป็นสำคัญ”
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า ในปีหน้าแนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนที่จะเห็นในปีหน้าคือ ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ราคาน้ำมันยังทรงตัวต่อไป และผลตอบแทนจากตราสารหนี้ที่ต่ำต่อไป
ดังนั้นสินทรัพย์ลงทุนที่น่าสนใจยังเป็นหุ้นเพราะยังมีปัจจัยหนุน โดยเฉพาะหุ้นเอเชียเหนือที่ราคาถูกการส่งออกดีขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นน่าสนใจรองลงมา และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่แม้ว่าราคาจะสูงแต่ยังลงทุนได้เพราะยังให้ผลตอบแทนได้ดีและมีความเสี่ยงน้อย
ทางด้านนายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาการลงทุนในกองทุนต่างประเทศให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 26% สูงกว่าตลาดหุ้นไทย ที่ในปีที่ผ่านมารับปัจจัยลบจากด้านการเมือง ดังนั้นการลงทุนในต่างประทศจึงเป็นการกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ ซึ่งทาง บลจ.ทิสโก้ก็มีกองทุนที่ลงทุนต่างประเทศที่ลงทุนได้ทั่วโลก ซึ่งกองทุนที่แนะนำในปีหน้าก็ยังเป็นกองทุนที่ลงทุนในเอเชียเหนือ ที่ขณะนี้ระดับราคาถูกและการส่งออกฟื้นตัวตามเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงกองทุนที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่ยังน่าลงทุนหลังแนวโน้มกำไรของบริษัทในตลาดสหรัฐฯ ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์