บลจ.กรุงไทย ประเมินหุ้นไทยปี 2558 ดัชนีอยู่ที่ 1,680 จุด P/E ประมาณ 15 เท่า พร้อมมองปีนี้หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กปรับตัวขึ้นกว่า 23% คาดปีหน้าอาจจะเป็นโอกาสของหุ้นขนาดใหญ่
นายยืนยง เทพจำนงค์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายงานลงทุน ตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2558 นักลงทุนส่วนใหญ่เองก็คาดหวังจากภาครัฐ และเอกชนที่จะมีการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สิ่งที่ต้องจับตามองคือ การนำนโยบายไปสู่ภาคปฏิบัติอย่างไรบ้าง ในส่วนของปัจจัยภายนอกนั้นการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ตลาดอาจจะมองว่าถูกทอดยาวไปในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 ซึ่งหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจริงก็คิดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบมาก เพราะสภาพคล่องทั่วโลกยังมีอยู่ในระบบค่อนข้างมาก เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจโลกโดยรวมไม่ว่าจะเป็น ยุโรป จีน หรือญี่ปุ่น นั้นยังต้องการนโยบายเพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจอยู่
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปัญหาเหล่านี้จะไม่น่าส่งผลกระทบโดยรวมต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ปรับตัวขึ้นจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ปีที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยไปแล้ว 200,000 ล้านบาท ปีนี้อีก 100,000 ล้านบาท ฉะนั้นปัจจัยลบในส่วนของเงินทุนต่างชาติไหลออกนั้นไม่น่าจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยประมาณ 20% โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลาง และหุ้นขนาดเล็ก เป็นตัวไดรฟ์ตลาดหุ้นในปีนี้ จากตัวเลขที่เราได้เก็บรวบรวมมา ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2557 จะพบว่า ดัชนี SET 50 ปรับตัวขึ้นมา 14.6% SET 100 ปรับตัวขึ้นมา 32.5% ส่วนหุ้นขนาดกลาง หรือ Mid Cap ปรับตัวขึ้นมา 23% ขณะเดียวกัน หากย้อนกลับไปช่วงวันที่เกิดรัฐประหาร ภาวะการเกร็งกำไรหุ้นใหญ่ SET 50 ขึ้นมา 7.2% หุ้นขนาดกลาง หรือ Mid Cap 20% SET 100 ขึ้นมา 12% ส่วนการปรับตัวลงจะพบว่าหุ้นใหญ่ปรับตัวลงมากกว่าหุ้นขนาดเล็ก
นายยืนยง กล่าวต่อว่า การปรับตัวลดลงของหุ้นไทยในรอบนี้ถือว่านักลงทุนต่างชาตินั้นตกขบวนไปค่อนข้างมากในส่วนของการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นประมาณ 17-18% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งตลาดหุ้นในภูมิภาคไม่ว่า จะเป็นอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นคล้ายๆ กันประมาณ 18-20% โดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นไทยนั้นมาจากนักลงทุนไทยเป็นส่วนใหญ่
ขณะเดียวกัน ประเทศในภูมิภาคเอเชีย อย่างอินโดนีเซีย และอินเดียนั้นมีปัจจัยบวกมาจากการเลือกตั้ง และการวางนโยบายต่างๆ ของภาครัฐ ทำให้นักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าไปลงทุน เมื่อมองเทียบกับประเทศไทยแล้วหากไทยมีความชัดเจนในเรื่องของการเลือกตั้งกลางปี หรือปลายปี 2558 หรือทอดยาวไปถึงต้นปี 2559 แล้วนักลงทุนต่างชาติอาจจะมองเห็นความชัดเจนในเรื่องต่างๆ ก็อาจจะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นไทยอีกครั้ง
“สำหรับความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในปีหน้านั้น เราอาจจะไม่ได้ให้ upside ไว้มาก เรามองไว้ที่ 1,680 จุด Earning per Share อยู่ที่ 112 บาทต่อหุ้น ส่วน P/E Ratio อยู่ที่ 15 เท่า เรามองว่าการลงทุนในหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ ในที่นี้อาจจะไม่ปรับตัวขึ้นทั้งหมดอาจจะต้องมีการคัดเลือกหุ้น โดยเรามองว่าช่วงที่ผ่านมา หุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กมีการปรับตัวขึ้นมาพอสมควร ก็น่าจะถึงเวลาของหุ้นขนาดใหญ่ที่จะปรับตัวขึ้น เช่น กลุ่มธนาคาร หรือหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จาก Digital Economy เป็นต้น” นายยืนยง กล่าว