บลจ.กสิกรไทยส่งกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ชูผลตอบแทนสูงสุด 3.00% ต่อปี เสนอขายต่อเนื่อง 16-22 ก.ย.
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 16-22 กันยายน 2557 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี วาย (KEFF1YY) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน เอแอล (KEFF6MAL) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.75% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีที (KFI3MET) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.25% ต่อปี โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
ด้านสถานการณ์และมุมมองการลงทุน บลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยปรับตัวขึ้นมาอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนมาอยู่ที่ 80.1 จุด ซึ่งเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน รวมถึงการที่สำนักงบประมาณได้เร่งรัดให้ราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเร่งเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2558 โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2.47 ล้านล้านบาท ซึ่งน่าจะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยในปี 2558 ขยายตัวได้ถึง 3.50-4.50% ขณะที่สถานการณ์ตลาดพันธบัตร อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยค่อนข้างทรงตัวจากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยปรับตัวลดลงเล็กน้อย 0.01-0.02% โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ปิดที่ 3.57% ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า 0.02% ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยได้เคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยปัจจัยหลักมาจากการที่นักลงทุนรอดูสถานการณ์ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ว่าจะมีทิศทางอย่างไร โดย บลจ.กสิกรไทยประเมินว่าทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยยังคงมีแนวโน้มทรงตัว เช่นเดียวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่น่าจะยังคงที่ ณ ระดับ 2% ไปถึงสิ้นปีนี้”
นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFF1YY จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วย เงินฝาก Bank of China เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ Agricultural Bank of China ตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล และตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี ด้านกองทุน KEFF6MAL จะลงทุนในเงินฝากของ China Construction Bank Corporation เงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ Isbank ตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทยขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน อีที (KFI3MET) ซึ่งโดยเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China นอกจากนี้ยังลงทุนในพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท