xs
xsm
sm
md
lg

SCBAM หนุนกองสำรองฯ ภาคบังคับเพื่อใช้ยามเกษียณกับภาคแรงงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ไทยพาณิชย์ชี้อยากเห็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับเพื่อประโยชน์ของแรงงานหลังเกษียณ ระบุบริษัทมีระบบสนับสนุนลูกค้าตั้งกองเพื่อยามเกษียณให้พนักงาน มองหุ้นยังน่าลงทุนที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มเอเชียเหนือ

นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทถือเป็นแห่งแรกของอุตสาหกรรมที่รองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของสมาชิกได้ในระดับรายวัน ถือเป็นระบบที่สมบูรณ์มากซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่เดือน ส.ค. 57 นี้แล้ว โดยปัจจุบันบริษัทได้โอนระบบนายทะเบียนสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาบริหารเอง และยังใช้กลยุทธ์สนับสนุนให้ลูกค้าภาคธุรกิจมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อเป็นสวัสดิการยามเกษียณให้แก่พนักงานโดยทำงานใกล้ชิดกับธนาคารไทยพาณิชย์ซึ่งเป็นแบงก์แม่เพื่อนำเสนอทางเลือกทางด้านการเงินและการลงทุนให้แก่ลูกค้าได้ครอบคลุมทุกด้าน โดยระบบกองทุนของบริษัทปัจจุบันถือว่าตอบโจทย์นักลงทุนดีสุดแล้ว หากหุ้นตกสมาชิกอยากจะสับเปลี่ยนเข้ามาในหุ้นสามารถทำได้ทันที

ในขณะที่ในอุตสาหกรรมเองส่วนใหญ่จะมีการเปิดให้ปรับเปลี่ยนนโยบายได้เฉลี่ยปีละ 1-2 ครั้ง หรือดีขึ้นมาอาจจะไตรมาสละครั้ง แต่จังหวะที่หุ้นตกแล้วสมาชิกอยากจะโยกเข้ามาลงทุนในหุ้นกับจังหวะในการสับเปลี่ยนนโยบายอาจจะไม่ตรงกัน ระบบตรงนี้ก็ช่วยขจัดปัญหานี้ไปได้ ซึ่งบริษัทคงแนะนำให้ลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัททุกรายต่อไป

โดยปัจจุบันบริษัทมีกองทุนไทยพาณิชย์ มาสเตอร์ฟันด์ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 ของอุตสาหกรรม มีสินทรัพย์ประมาณ 19,967 ล้านบาท ก็คงจะทำการตลาดอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะระบบที่ดีที่มีอยู่ ที่สำคัญบริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานที่ดีก็จะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนเองในที่สุด

นายสมิทธ์ยังกล่าวอีกว่า บริษัทยังอยากเห็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับเกิดขึ้นในไทยด้วยเช่นกัน เพราะเป็นสิ่งที่ดีและมีความสำคัญเพื่อให้ผู้ใช้แรงงานสามารถเตรียมตัวเพื่อชีวิตหลังเกษียณที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และที่ผ่านมาก็ยังไม่เกิดขึ้นสักที ก็หวังว่าในรัฐบาลนี้จะเห็นความสำคัญและผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ในส่วนของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) นั้น มองว่าการไปจำกัดเพดานการลงทุนไว้ที่ 500,000 บาทเป็นการปิดกั้นโอกาสการลงทุนของนักลงทุนไป ควรจะพิจารณาปลดล็อกในส่วนของเพดานดังกล่าวออกให้เหลือเพียงสัดส่วนการลงทุน 15% ตามรายได้ของนักลงทุนจะเกิดประโยชน์มากกว่า แต่ทั้งนี้ก็คงขึ้นกับภาครัฐว่าจะเห็นความสำคัญมากน้อยเพียงใดด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทถือว่าเป็นผู้นำในกลุ่มลูกค้าสถาบันแล้ว ในการก้าวขึ้นสู่ผู้นำกลุ่มลูกค้ารายย่อยที่เป็นบุคคลทั่วไปก็เริ่มมีเสียงตอบรับที่ดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากผลการดำเนินงานที่ดีของกองทุนรวมของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทยังมองหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนที่สุด ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ยและยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายต่อเนื่อง ในขณะที่ยุโรปและญี่ปุ่นเองยังมีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าในระบบต่อเนื่องเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในหุ้น โดยบริษัทมองว่าหุ้นที่กลับมาน่าสนใจจะเป็นกลุ่มของเอเชียเหนือ ทั้งเกาหลีใต้ จีน และไต้หวัน ที่จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจหลักของโลกที่กำลังเติบโตด้วยเช่นกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น