สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) ทำสถิติร่วงลงติดต่อกัน 9 วันทำการ และยังแกว่งตัวในระดับต่ำสุดรอบ 5 ปีกว่า เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าทุบขายสัญญาทองคำ อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.3 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ระดับ 1,103.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 181.12 จุด หรือ 1.00% ปิดที่ 17,919.29 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 9.07 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 2,119.21 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 10.74 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 5,208.12 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากตลาดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะดัชนีแนสแด็ก ที่ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนีดาวโจนส์อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังจากบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ไอเอ็มบี เผยว่ามีรายได้ลดลงเป็นไตรมาสที่ 13 ติดต่อกัน จนหุ้นร่วง 5.9% ขณะที่บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ประกาศตัดลดตัวเลขคาดการรายได้ เนื่องจากการเติบโตที่อ่อนแอของจีน และยอดขายชิ้นส่วนเครื่องบินลดลง ส่งผลให้หุ้นตก 7.0%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ ปิดที่ 50.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 57.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากที่ดอลลาร์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 3.3 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ระดับ 1,103.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 181.12 จุด หรือ 1.00% ปิดที่ 17,919.29 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 9.07 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 2,119.21 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 10.74 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 5,208.12 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากตลาดปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะดัชนีแนสแด็ก ที่ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนีดาวโจนส์อยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน หลังจากบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ ไอเอ็มบี เผยว่ามีรายได้ลดลงเป็นไตรมาสที่ 13 ติดต่อกัน จนหุ้นร่วง 5.9% ขณะที่บริษัท ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ประกาศตัดลดตัวเลขคาดการรายได้ เนื่องจากการเติบโตที่อ่อนแอของจีน และยอดขายชิ้นส่วนเครื่องบินลดลง ส่งผลให้หุ้นตก 7.0%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ ปิดที่ 50.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ ปิดที่ 57.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังจากดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยดอลลาร์ได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากที่ดอลลาร์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาน้ำมันดิบ WTI ซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์ มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ