บลจ.ยูโอบีจับกระแสสังคมสูงวัยส่งกองทุนใหม่ลงทุนกลุ่มธุรกิจสุขภาพทั่วโลก เปิดขายระหว่างวันที่ 1-5 กันยายนนี้ ระบุความมั่งคั่งในประเทศตลาดเกิดใหม่ดันค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพปรับสูงขึ้น และจะทำให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% พร้อมคาดคนแก่อายุ 65 ปีจะปรับขึ้นแตะ 79% ในอีก 20 ปี
นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั่วโลกได้ตื่นตัวต่อการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จากที่ประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้วมีช่วงอายุที่ยาวนานขึ้น ความมั่งคั่งในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่สูงขึ้น ส่งผลให้งบค่าใช้จ่ายเพื่อการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จึงสร้างความต้องการในธุรกิจยาและเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่นำไปสู่ความก้าวหน้าของการรักษาโรคที่มีการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าในอดีต จากปัจจัยดังกล่าว นักวิเคราะห์จึงได้คาดการณ์ว่าในอีก 3 ปีข้างหน้ากลุ่มธุรกิจ Global Healthcare จะมีการเติบโตเฉลี่ยถึงปีละ 15%
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทจึงทำการเปิดขายกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลบอล เฮลท์แคร์ ฟันด์ (UOBSHC) จัดจำหน่ายผ่านธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล เฮลท์แคร์ ฟันด์ (UGH) ซึ่งจัดจำหน่ายผ่านธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) ในระหว่างวันที่ 1-5 กันยายน 2557 นี้
สำหรับกองทุนดังกล่าวทั้งสองจะลงทุนผ่านกองทุน United Global Healthcare Fund จัดตั้งและบริหารจัดการโดย UOB Asset Management Ltd. (Singapore) โดยได้มอบหมายให้ Wellington International Management Company Limited เป็นผู้จัดการกองทุนย่อย (Sub-Manager) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมากกว่า 9.04 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ มีประสบการณ์เฉพาะในหุ้นกลุ่ม Global Healthcare มากกว่า 30 ปี บริหารกองทุนด้วยกลุยทธ์เชิงรุกเพื่อคัดเลือกหุ้นด้วยการมองหาบริษัทพื้นฐานแข็งแกร่งทั่วโลก มีความสามารถในการแข่งขันสูง และเลือกซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าราคาประเมิน สามารถบริหารผลตอบแทนกองทุนย้อนหลัง 1 ปี 39.1% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน MSCI ACWI Healthcare ที่ 27.1%
นางสาวณัชชากล่าวอีกว่า บริษัทมีมุมมองที่ดีต่อการเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าว นอกจากนี้ ในอีก 20 ปีคาดการณ์ว่าประชากรโลกที่มีอายุมากกว่า 65 ปีจะเพิ่มขึ้นกว่า 79% ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจ Global Healthcare โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพขั้นโมเลกุล ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ทำให้มีโอกาสค้นพบยาที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถยับยั้งโรคร้ายได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ กองทุนยังให้น้ำหนักการลงทุนไปยังหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับผลบวกโดยตรงจากนโยบาย Affordable Care Act (Obama-care) ที่เป็นการผลักดันการเปลี่ยนแปลงระบบการดูแลสุขภาพ