คอลัมน์ Fund Manager Talk
โดย บลจ.ทิสโก้ จำกัด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ก็กำลังจะเข้าสู่เดือนที่ 8 ซึ่งเป็นเดือนของการประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของบริษัทจดทะเบียน สำหรับชาวหุ้นเชื่อว่า หลายท่านคงนั่งลุ้นว่าหุ้นที่ถืออยู่จะมีผลประกอบการออกมาเป็นอย่างไร ความสำคัญของผลประกอบการนอกจากจะสะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแล้ว ผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาด (positive earnings surprise) หรือแย่กว่าที่คาด (negative earnings surprise) ยังจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในอนาคต
ทั้งนี้เพราะการปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ผลการดำเนินงานอย่างฉับพลัน (Earnings Revision) ของนักวิเคราะห์ในตลาด จะมีผลต่อการปรับราคาเป้าหมายของหุ้น (Target Price) จากระดับดัชนีของตลาดหุ้นไทยที่ปรับสูงขึ้นมากว่า 158 จุดในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทำให้ PER ของตลาดปรับสูงขึ้นอย่างมาก การจะหาหุ้นเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อจากนี้ไปจึงต้องเน้นไปที่การเลือกหุ้น (stock selection) ซึ่งการใช้ข้อมูล earnings revision ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งในการเลือกซื้อหุ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อหุ้นตาม earnings revision อาจไม่ได้รับประกันว่านักลงทุนจะได้กำไรในทุกครั้ง แต่อย่างน้อยหุ้นที่เลือกซื้อตาม earnings revision ที่เป็นบวกมักจะ outperform ตลาดได้เป็นส่วนมาก
หลักการของการใช้ earnings revision เกิดจากการศึกษาอุปนิสัยของนักลงทุนที่มักจะ conservative bias อยู่เสมอดังนั้น เมื่อ earnings revision เกิดขึ้นจากการที่นักวิเคราะห์ได้รับข้อมูลใหม่ๆ ย่อมจะทำให้นักลงทุนที่มองหาข้อมูลใหม่ๆ เช่นกันเข้าซื้อหุ้นที่มี earnings revision ออกมาดี หรือเทขายหุ้นที่ earnings revision ออกมาแย่ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของ earnings revision จะกระทบต่อราคาหุ้นมากหรือน้อยขึ้นกับว่า
1. หุ้นนั้นมีจำนวนนักวิเคราะห์ที่วิเคราะห์หุ้นนั้นมากหรือน้อยราย หุ้นที่มีนักวิเคราะห์ cover น้อยราย จะตอบสนองต่อ earnings revision ค่อนข้างดี เนื่องจากข่าวดีหรือข่าวร้ายยังไม่มีคนคาดการณ์ไว้มากนักหุ้นนั้นก็จะวิ่งขึ้นหรือลงได้แรง
2. หุ้นที่มี market cap ขนาดเล็กจะตอบสนองต่อ earnings revision ได้แรงกว่าหุ้นที่มี market cap ใหญ่
3. หุ้นที่เป็นหุ้นที่ผลประกอบการแย่อย่างต่อเนื่องจนไม่มีใครสนใจ (dog) จะตอบสนองต่อ earnings revision ได้ดี ราคาหุ้นพร้อมจะกระโดดขึ้นทันทีเมื่อมีการคาดการณ์ว่า earnings จะพลิกฟื้นขึ้นมาได้ (turnaround)
4. หุ้นที่มี valuation ถูก เช่น PER ต่ำ หรือ PBV ต่ำ จะตอบสนองต่อ earnings revision ได้ดีกว่าหุ้นที่มี valuation ที่แพงอยู่แล้ว
5. หุ้นที่มีการคาดการณ์ที่ไม่ค่อยเป็นไปในทางเดียวกัน (earnings dispersion) จะตอบสนองต่อ earnings revision ได้ดีกว่าหุ้นที่มีการคาดการณ์ไปในทางเดียวกัน การปรับใช้ Earnings Revision นอกจากจะใช้ในการเลือกซื้อหรือขายหุ้นยังสามารถใช้สำหรับการคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก earnings revision นั้นเกิดขึ้นจากการปรับการคาดการณ์ earnings ของหุ้น market cap ขนาดใหญ่ จะทำให้เกิดแรงซื้อและดันดัชนีให้ปรับขึ้นได้
ข้อควรระวังในการใช้ earnings revision เนื่องจาก earnings revision จะทำให้ target price มีการปรับเพิ่มขึ้น หรือลดลงจากปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น การจะซื้อขายหุ้นตาม earnings revision นักลงทุนจะต้องมั่นใจว่า target price ที่เปลี่ยนแปลงไปเกิดจากคาดการณ์ earnings (EPS) ที่เปลี่ยนไปจริงๆ เพราะอาจจะมีในบางช่วงเวลาที่นักวิเคราะห์ทำการปรับ target price ขึ้นหรือลง จากปริมาณ fund flow ที่ไหลเข้าหรือออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีหรือราคาหุ้นเกิดการ re-rating หรือ de-rating โดย valuation จะแปรเปลี่ยนไปตาม PER หรือ PBV ในอดีต โดยดูว่าหุ้นนั้นหรือดัชนีตลาดเคยเทรดที่ระดับสูงสุดในช่วงที่มี liquidity flow เข้ามามากที่ PER สูงสุดเท่าไหร่ หรือเคยเทรดที่ระดับ PER ต่ำสุด ในช่วงที่มี flow ไหลออกที่เท่าไหร่ โดยที่ปัจจัยพื้นฐาน หรือ earnings forecast ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ในกรณีเช่นนี้ นักลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวังให้มากในการเข้าซื้อหรือขายเพราะระดับ PER ที่เกิดจากการ re rating หรือ de rating จากผลของ fund flow มักจะไม่ยั่งยืน และอาจทำให้นักลงทุนติดดอย หรือขายหมูได้ง่ายๆ การแยกแยะเหตุของการปรับเปลี่ยน target price ให้ออกจึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะนักลงทุนที่คุ้นชินกับการเทรดหุ้นแบบไล่ตาม flow ที่อาจจะหลงลืมปัจจัยพื้นฐานไปบ้าง จะต้องระวังให้มากเพราะบางทีกว่าจะรู้ตัวว่า flow เปลี่ยนทิศไปแล้วอาจทำให้สูญเสียโอกาสในการลงทุนได้
หวังเป็นอย่างยิ่งว่านักลงทุนจะค้นพบหุ้น surprise จากการประกาศ earnings ในรอบนี้ ขอให้โชคดีในการลงทุน
