AIA ประกันชีวิตยันมั่นใจศักยภาพไทย พร้อมหนุนการเติบโต และการลงทุนเต็มที่หากมีโอกาส ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะปกติในไม่ช้า
นายมาร์ค ทักเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่ม บริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน เอไอเอยังเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะคืนสู่สภาวะปกติในเร็ววัน และสามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งกลุ่มบริษัทเอไอเอมีความแข็งแกร่งด้านเงินทุนที่จะสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย อีกทั้งจะไม่จำกัดการลงทุนหากมีโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจเข้ามา
นอกจากนั้น เอไอเอยังมีการลงทุนในด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาโครงการต่างๆ โดยมีแนวคิดใหม่ในการเชื่อมโยงสุขภาพของผู้คนไปกับเบี้ยประกันภัยและสิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยทางเอไอเอกำลังพิจารณาประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ดังกล่าว
“กลุ่มบริษัทเอไอเอเชื่อมั่นในอนาคตของประเทศไทย โดยเรามุ่งมั่นทุ่มเทอย่างมากในทุกเรื่องที่เราทำในการดำเนินธุรกิจที่นี่ รวมถึงเรื่องผู้คนอีกด้วย เราพร้อมเสมอที่จะแบ่งปันประสบการณ์เกือบ 100 ปีของเราในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ตลอดจนการพัฒนาด้านการปฏิบัติงานและช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศไทย”
นายมาร์คกล่าวอีกว่า สำหรับการลงทุนระยะยาวในประเทศไทยนั้น ล่าสุดบริษัทเปิดตัวโครงการ “เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์” ที่เสร็จสมบูรณ์อย่างเต็มรูปแบบไปเมื่อเร็วๆ นี้ อีกทั้งยังมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ สาธร ทาวเวอร์ อีกโครงการหนึ่งที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2558
ส่วนธุรกิจประกันชีวิตที่ดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลา 77 ปี ปัจจุบันบริษัทได้ให้ความคุ้มครองคนไทยกว่า 7 ล้านกรมธรรม์ โดยในปี 2556 ที่ผ่านมา เอไอเอ ประเทศไทยสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19 ของมูลค่าธุรกิจใหม่ทั้งหมดของกลุ่มบริษัทเอไอเอรวม 1,490 ล้านดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย
โดยกลุ่มบริษัทเอไอเอถือเป็นประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการบริหารจัดการอย่างอิสระ มีบริษัทในเครือและสำนักงานสาขาใน 17 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ทั้งในประเทศฮ่องกง ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ ฟิสิปปินส์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน เวียดนาม นิวซีแลนด์ มาเก๊า และบรูไน อีกทั้งยังมีสำนักงานผู้แทนในประเทศพม่า