บลจ.ฟิลลิปเล็งตั้งกองทุนบอนด์ต่างประเทศช่วงอัตราดอกเบี้ยไทยติดดิน พร้อมอ้อนนักลงทุนดูสินทรัพย์ลงทุนมากกว่าขนาดกองทุน ขณะเดียวกันแนะทยอยลงทุน LTF แบบรายเดือนเฉลี่ยต้นทุน หนีหุ้นแพงช่วงปลาย
วรรธนะ วงศ์สีนิล กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้การดำเนินงานของบริษัทจะเน้นการรักษาลูกค้าในกองทุนเก่า และอาจมีการเปิดขายกองทุนใหม่อีก 1 กองทุน ซึ่งจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และปรึกษากับบริษัทแม่ว่าจะเป็นโกลบอลบอนด์ฟันด์ของตนเอง โดยไม่ต้องลงทุนผ่านกองทุนอื่นหรือไม่
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการทำงานของ บลจ.ขนาดเล็กจะมีอุปสรรคมากกว่า เนื่องจากนักลงทุนไทยยังให้ความสำคัญต่อขนาดของกองทุนมากกว่าสินทรัพย์ที่ลงทุน
“เรื่องออกกองมันจะมีต้นทุนอยู่ ซึ่งถ้าไซด์มันเล็กก็ทำลำบาก และคนไทยเองจะมองเรื่องขนาดมากกว่าคุณภาพ ซึ่งความจริงอยากแนะนำเลยว่าให้ดูที่คุณภาพของสินทรัพย์ที่ลงทุนดีกว่า เพราะขนาดไม่ได้ทำให้ผลตอบแทนเพิ่ม แต่สินทรัพย์ต่างหากที่เป็นตัวสร้างผลตอบแทน และยิ่งถ้ามีปัญหากองใหญ่ไปก็เท่านั้นสินทรัพย์ไม่ดีก็ช่วยไม่ได้” นายวรรธนะกล่าว
นายวรรธนะกล่าวอีกว่า การที่บริษัทมีแนวคิดที่จะเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เนื่องจากเห็นแนวโน้มอัตราผลตอบแทนที่มากกว่าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งยุโรปน่าจะเป็นกลุ่มทำผลตอบแทนได้ดีกว่าไทยมาก ซึ่งหากดูจากยิลด์ในช่วงที่กลุ่มยุโรปมีปัญหาให้ผลตอบแทนสูงมาก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของกองทุนนี้คงจะต้องดูอันดับความน่าเชื่อถือไม่ให้ต่ำไปกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งบริษัทเชื่อว่าน่าจะมีศักยภาพในการตั้งกองทุนประเภทนี้ได้
“บอนด์กรีซโปรตุเกสช่วงที่มีปัญหาผลตอบแทนมันสูงมาก แต่ก็ต้องดูเรื่องเรตติ้งด้วย ซึ่งถ้ามาถึงตอนนี้ราคามันคงกำไรมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าลงเพราะต้องดูหลายอย่าง ส่วนที่จะออกใหม่ตอนนี้ยุโรปยังน่าสนใจอยู่ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในไทยมันต่ำมาก” นายวรรธนะกล่าว
นายวรรธนะกล่าวอีกว่า นอกจากกองทุนตราสารหนี้ซึ่งจะนำมาเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนไทยแล้ว ตนมีความเห็นว่านักลงทุนควรใช้ประโยชน์ในกองทุนประหยัดภาษีเพิ่มมากขึ้น โดยวิธีการลงทุนที่ถูกต้องของกองทุนประเภทนี้คือการซื้อเฉลี่ยสะสมเอาไว้ทุกเดือน
“นักลงทุนเข้าใจผิดว่าจะต้องไปซื้อหักภาษีช่วงปลายปี แต่ไม่ใช่แบบนั้น ควรจะซื้อเฉลี่ยเอาไว้ เพราะถ้าสังเกตดูดีๆ หุ้นไทยมักจะแพงในช่วงต้นปี ซึ่งถ้าซื้อเอาไว้ทุกเดือนจะมีต้นทุนที่ถูกกว่า และทำให้มีวินัยในการลงทุนที่ดีอีกด้วย” นายวรรธนะกล่าว
ส่วนเรื่องการที่บริษัทฟิลลิปแคปปิตอลเริ่มทำธุรกิจประกันชีวิตจากการซื้อกิจการของบริษัทฟินันซ่าประกันชีวิต นายวรรธนะกล่าวว่า ตอนนี้บริษัทมีความร่วมมือและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนบ้าง แต่คงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพอร์ตลงทุนแต่อย่างใด เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสได้
ทั้งนี้ สำหรับความร่วมมือในการออกผลิตภัณฑ์ประเภทยูนิตลิงก์ บริษัทเชื่อว่ามีความพร้อมที่จะจัดตั้งกองทุนเพื่อรองรับแบบประกันประเภทนี้ แต่คงต้องพิจารณาอีกสักพัก เพราะถ้าขนาดกองไม่ใหญ่ก็จัดตั้งลำบากเหมือนที่กล่าวไปข้างต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป มี “Phillip Fund SuperMart” ที่คอยให้บริการเหมือนเป็นซูเปอร์มาร์เกตของกองทุนรวมอยู่แล้ว น่าจะไม่มีปัญหาหากต้องการผลิตภัณฑ์กองทุนเพื่อรองรับในส่วนของธุรกิจประกันชีวต
วรรธนะ วงศ์สีนิล กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้การดำเนินงานของบริษัทจะเน้นการรักษาลูกค้าในกองทุนเก่า และอาจมีการเปิดขายกองทุนใหม่อีก 1 กองทุน ซึ่งจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และปรึกษากับบริษัทแม่ว่าจะเป็นโกลบอลบอนด์ฟันด์ของตนเอง โดยไม่ต้องลงทุนผ่านกองทุนอื่นหรือไม่
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการทำงานของ บลจ.ขนาดเล็กจะมีอุปสรรคมากกว่า เนื่องจากนักลงทุนไทยยังให้ความสำคัญต่อขนาดของกองทุนมากกว่าสินทรัพย์ที่ลงทุน
“เรื่องออกกองมันจะมีต้นทุนอยู่ ซึ่งถ้าไซด์มันเล็กก็ทำลำบาก และคนไทยเองจะมองเรื่องขนาดมากกว่าคุณภาพ ซึ่งความจริงอยากแนะนำเลยว่าให้ดูที่คุณภาพของสินทรัพย์ที่ลงทุนดีกว่า เพราะขนาดไม่ได้ทำให้ผลตอบแทนเพิ่ม แต่สินทรัพย์ต่างหากที่เป็นตัวสร้างผลตอบแทน และยิ่งถ้ามีปัญหากองใหญ่ไปก็เท่านั้นสินทรัพย์ไม่ดีก็ช่วยไม่ได้” นายวรรธนะกล่าว
นายวรรธนะกล่าวอีกว่า การที่บริษัทมีแนวคิดที่จะเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เนื่องจากเห็นแนวโน้มอัตราผลตอบแทนที่มากกว่าตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งยุโรปน่าจะเป็นกลุ่มทำผลตอบแทนได้ดีกว่าไทยมาก ซึ่งหากดูจากยิลด์ในช่วงที่กลุ่มยุโรปมีปัญหาให้ผลตอบแทนสูงมาก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของกองทุนนี้คงจะต้องดูอันดับความน่าเชื่อถือไม่ให้ต่ำไปกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งบริษัทเชื่อว่าน่าจะมีศักยภาพในการตั้งกองทุนประเภทนี้ได้
“บอนด์กรีซโปรตุเกสช่วงที่มีปัญหาผลตอบแทนมันสูงมาก แต่ก็ต้องดูเรื่องเรตติ้งด้วย ซึ่งถ้ามาถึงตอนนี้ราคามันคงกำไรมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าลงเพราะต้องดูหลายอย่าง ส่วนที่จะออกใหม่ตอนนี้ยุโรปยังน่าสนใจอยู่ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในไทยมันต่ำมาก” นายวรรธนะกล่าว
นายวรรธนะกล่าวอีกว่า นอกจากกองทุนตราสารหนี้ซึ่งจะนำมาเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนไทยแล้ว ตนมีความเห็นว่านักลงทุนควรใช้ประโยชน์ในกองทุนประหยัดภาษีเพิ่มมากขึ้น โดยวิธีการลงทุนที่ถูกต้องของกองทุนประเภทนี้คือการซื้อเฉลี่ยสะสมเอาไว้ทุกเดือน
“นักลงทุนเข้าใจผิดว่าจะต้องไปซื้อหักภาษีช่วงปลายปี แต่ไม่ใช่แบบนั้น ควรจะซื้อเฉลี่ยเอาไว้ เพราะถ้าสังเกตดูดีๆ หุ้นไทยมักจะแพงในช่วงต้นปี ซึ่งถ้าซื้อเอาไว้ทุกเดือนจะมีต้นทุนที่ถูกกว่า และทำให้มีวินัยในการลงทุนที่ดีอีกด้วย” นายวรรธนะกล่าว
ส่วนเรื่องการที่บริษัทฟิลลิปแคปปิตอลเริ่มทำธุรกิจประกันชีวิตจากการซื้อกิจการของบริษัทฟินันซ่าประกันชีวิต นายวรรธนะกล่าวว่า ตอนนี้บริษัทมีความร่วมมือและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนบ้าง แต่คงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพอร์ตลงทุนแต่อย่างใด เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสได้
ทั้งนี้ สำหรับความร่วมมือในการออกผลิตภัณฑ์ประเภทยูนิตลิงก์ บริษัทเชื่อว่ามีความพร้อมที่จะจัดตั้งกองทุนเพื่อรองรับแบบประกันประเภทนี้ แต่คงต้องพิจารณาอีกสักพัก เพราะถ้าขนาดกองไม่ใหญ่ก็จัดตั้งลำบากเหมือนที่กล่าวไปข้างต้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป มี “Phillip Fund SuperMart” ที่คอยให้บริการเหมือนเป็นซูเปอร์มาร์เกตของกองทุนรวมอยู่แล้ว น่าจะไม่มีปัญหาหากต้องการผลิตภัณฑ์กองทุนเพื่อรองรับในส่วนของธุรกิจประกันชีวต