บลจ.กสิกรไทยปลื้มมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การจัดการ หรือ AUM แตะ 1 ล้านล้านตามเป้า โช์กองทุนเทอมฟันด์ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 36% พร้อมเดินหน้ารักษา AUM ต่อเนื่องเร่งพัฒนาการให้บริการผ่านไซเบอร์เต็มรูปแบบ
นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยได้ก้าวสู่ความสำเร็จที่สำคัญอีกขั้น โดยการเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแห่งแรกที่มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การจัดการถึง 1 ล้านล้านบาทตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ และยังสามารถครองความเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจกองทุนได้อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ณ วันที่ 28 มี.ค. 2557 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการ (Asset Under Management: AUM) ของ บลจ.กสิกรไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 1,002,818 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้น 57,186 ล้านบาท จากสิ้นปี 2556 ที่มีสินทรัพย์ที่มูลค่า 945,632 ล้านบาท ด้วยระยะเวลาเพียง 3 เดือน
นายจงรักกล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยต้องขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจลงทุนกับ บลจ.กสิกรไทย รวมถึงเครือข่ายบริการและการขายของธนาคารกสิกรไทยที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการนำเสนอและสร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ด้านการออมและการลงทุน และตัวแทนสนับสนุนการขายทุกแห่งที่ร่วมกันส่งมอบผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่ตรงต่อความต้องการของผู้ลงทุน ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมาได้ชะลอตัวลง ประกอบกับปัญหาด้านการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การลงทุน แต่ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยธุรกิจกองทุนรวมมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 23.7% (ณ วันที่ 28 มี.ค. 2557) ด้านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 17.5% และ 19.2% ตามลำดับ (ณ วันที่ 28 ก.พ. 2557)
“สำหรับกลุ่มกองทุนที่สร้างการเติบโตให้กับบริษัทมากที่สุดยังคงเป็นกองทุนในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ หรือเทอมฟันด์ ซึ่งในปัจจุบัน บลจ.กสิกรไทยครองความเป็นผู้นำตลาดทั้งในแง่การครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ซึ่งอยู่ที่ 36% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 411,559 ล้านบาท รวมถึงการเป็นผู้นำในการออกกองทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์เพื่อให้สามารถตอบสนองได้ครบทุกความต้องการของนักลงทุน พร้อมทั้ง บลจ.กสิกรไทยยังให้ความสำคัญต่อการบริหารเงินลงทุนให้เกิดประโยชน์สุดสูงด้วย” นายจงรักกล่าว
นายจงรัก กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายต่อไปของ บลจ.กสิกรไทยคือการรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจจัดการกองทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษาส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) กองทุนรวม LTF /RMF ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ผู้ลงทุนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการลงทุนในระยะยาว และเน้นการออกกองทุนใหม่ที่สอดคล้องกับสภาวะการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงพัฒนาการบริการต่างๆ ให้ง่าย ปลอดภัย และสะดวก รวดเร็ว โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบริการ K-Cyber Invest (บริการลงทุนในกองทุนรวมทางอินเทอร์เน็ตกสิกรไทย)เพื่อให้สามารถรองรับการทำธุรกรรมกองทุนได้ทุกประเภท อีกทั้งในอนาคตจะพัฒนาการซื้อขายกองทุนผ่านทางสมาร์ทโฟน เพื่อให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ลงทุนในยุคไซเบอร์ได้ดีที่สุด