บลจ.เอ็มเอฟซีเล็งตั้งกอง REIT ลุยลงทุนหอพักต่างประเทศ ระบุยิลด์ดีระดับ 8-9% แถมมีสัญญาเช่าระยะยาวช่วยหนุน พร้อมจ่อควบใบอนุญาต 2 ใบทั้ง REIT Manager และทรัสตี หลังตั้งบริษัทลูกไว้รองรับ หวังเพิ่มความหลากหลายในการทำธุรกิจ
นายทอมมี่ เตชะอุบล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดขายได้อย่างน้อย 2 กองทุนที่ได้ยื่นขออนุมัติจากทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้วตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยจะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตในลักษณะ free hold ทั้งสองแห่ง ซึ่งกองแรกจะมีมูลค่าประมาณ 1,050 ล้านบาท ส่วนอีกกองมีมูลค่า 1,850 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศเพิ่มเติมด้วย โดยจะเป็นรูปแบบการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งอาจจะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหอพักที่มีแนวโน้มการเติบโตและผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีสัญญาเช่าระยะยาวถึง 10-20 ปี
ส่วนสินทรัพย์ในประเทศบริษัทมีความสนใจที่จะลงทุนในโรงพยาบาล หรือจัดตั้งกองอินฟราสตรักเจอร์ฟันด์เข้าไปลงทุนในธุรกิจพลังงาน การสื่อสาร และท่าเรือ เป็นต้น แต่คงจะต้องพิจารณาอีกครั้งเนื่องจากกองทุนประเภทนี้มีการแข่งขันกันสูงมาก
“ปีที่แล้วเราได้มีการติดต่อกับพันธมิตรในต่างประเทศ ซึ่งการที่เราสนใจลงทุนหอพักในต่างประเทศโดยเฉพาะในอังกฤษ และออสเตรเลีย เพราะให้ยิลด์สูงระดับ 8-9% ซึ่งเท่าที่ผมดูเป็นสินทรัพย์ที่ดีมากและส่วนใหญ่สัญญาเช่าจะเป็นแบบระยะยาว ส่วนกองอินฟราฯ น่าจะมีให้เห็น 1 กอง มูลค่าประมาณ 7,000-10,000 ล้านบาท ” นายทอมมี่กล่าว
นายทอมมี่ กล่าวอีกว่า สำหรับบทบาทของบริษัทเอ็มเอฟซีในการจัดตั้งกอง REIT บริษัทได้มีการยื่นขอใบอนุญาตไปถึง 2 ใบ คือการเป็นผู้บริหารกอง (REIT Manager) หรือผู้ดูแลผลประโยชน์ (Trustee) ซึ่งรูปแบบการขอใบอนุญาต 2 ใบจำเป็นที่จะต้องมีบริษัทลูกแยกออกมาอีก 1 บริษัทเพื่อรับหน้าที่ในการเป็นทรัสตีโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ ในส่วนของรูปแบบใหม่ของกองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) นั้น บริษัทวางกลยุทธ์ไว้ 2 อย่าง คือ 1) การออกกองทุนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขการลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) ซึ่งจะเป็นการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ๆ และ 2) รองรับการเพิ่มทุนของกอง 1 เดิมด้วย หากเงื่อนไขเป็นประโยชน์ต่อการแปลงสภาพจากกอง 1 มาเป็นกอง REIT
นายทอมมี่ กล่าวอีกว่า สำหรับในปีที่ผ่านมาการเปิดขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์เปิดขาย 2 กองทุน มูลค่ารวม 5,450 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการตั้งกองทุนใหม่ 1 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเหมราชอินดัสเตรียล หรือ HPF มูลค่า 4,700 ล้านบาท และเป็นการเพิ่มทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเอ็มเอฟซี อินดัสเตรียล อินเวสเมนท์ หรือ M-II อีก 750 ล้านบาท
ทั้งนี้ กองทุนรวมอสังหาฯ เหมราชถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และเป็นกองทุนเดียวที่หลังจากเปิดขายครั้งแรกไปแล้ว มูลค่า NAV ไม่มีการปรับลดลง