บลจ.ทิสโก้ตั้งเป้า AUM เติบโต 20% เล็งออกกองทริกเกอร์ฟันด์ทั้งในและต่างประเทศ เน้นเอเชียเหนือ เผยเตรียมออกกองโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งขยายฐานลูกค้าส่วนบุคคล
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ในปี 2557 เติบโตประมาณ 15-20% จากสิ้นปีที่ผ่านมามีมูลค่าสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 1.56 แสนล้านบาท
โดย ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2556 บลจ.ทิสโก้มีมูลค่าสินทรัพย์กองทุนรวม 2.36 หมื่นล้านบาท กองทุนส่วนบุคคลมูลค่า 3.18 หมื่นล้านบาท ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 1 แสนล้านบาท ณ สิ้นเดือน ต.ค. 2556 กองทุนรวมปีนี้มีบริษัทยังคงมีแผนออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเหนือ เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้ เป็นต้น ซึ่งประเทศเหล่านี้มีแนวโน้มการเติบโตดีตามเศรษฐกิจโลก
สำหรับกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ลงทุนในหุ้นไทยยังสนใจ หากดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่า 1,250 จุดก็พร้อมที่จะออกมาเสนอขายให้แก่นักลงทุน เนื่องจากบริษัทมองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,418 จุด
“กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจเป็นธีมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มส่งออกหรือมีรายได้จากต่างประเทศน่าจะได้ผลดีจากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ส่วนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศต้องดูเป็นรายตัว และราคาหุ้นว่ามีโอกาสร้างกำไรได้มากน้อยแค่ไหน”นายสาห์รัชกล่าว
นอกจากนี้มีแผนออกกองทุนตราสารหนี้ประเภทสตรักเจอร์โน้ต อ้างอิงผลตอบแทนจากดัชนี ส่วนกองทุนตราสารหนี้มองว่าไม่ค่อยน่าสนใจในปีนี้ เนื่องจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในปีนี้และคงยังไม่เห็นดอกเบี้ยขึ้นในปีนี้ แนะนำลงทุนตราสารหนี้ไม่เกิน 1-1 ปีครึ่ง ขณะที่การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำและน้ำมันยังไม่น่าสนใจ เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ โดยมองราคาทองปีนี้อยู่ที่ 1,150-1,350 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์
นายสาห์รัช กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังมีแผนออกกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาในรายละเอียด รวมทั้งธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลในปีนี้ยังคงเน้นขยายฐานลูกค้าบุคคลเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าบุคคลประมาณ 80% มูลค่าสินทรัพย์ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ส่วนลูกค้าส่วนบุคคลจำนวนบัญชีไม่มากแต่มูลค่าสินทรัพย์ประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท โดยบริษัทมองว่ากลุ่มลูกค้าสถาบันยังไม่ค่อยมีนโยบายให้บริหารจัดการเงินในเชิงรุกมากนัก ส่วนใหญ่ยังคงอนุรักษนิยม