xs
xsm
sm
md
lg

CIMB ปั้นกองลุยหุ้นบลูชิปญี่ปุ่น คาด ศก.โตตามแผนอาเบะโนมิกส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลตั้งกองทุนลุยลงทุนหุ้นบลูชิปในตลาดหุ้นญี่ปุ่น คาดปีนี้ upside กว่า 10% รับแนวโน้มเศรษฐกิจแดนปลาดิบอยู่ในช่วงขาขึ้นจากยุทธศาสตร์ใหม่ Abenomics เปิดขาย IPO ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์นี้

นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนายชินโซ อาเบะ ที่ชูยุทธศาสตร์ใหม่ Abenomics กระตุ้นเศรษฐกิจธนู 3 ดอกของภาครัฐบาล ด้วยการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายคล้ายกับนโยบาย QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ควบคู่กับนโยบายการคลังที่กระตุ้นการลงทุนของภาครัฐและการสร้างยุทธศาสตร์ของประเทศใหม่

โดยการลงทุนภาคเอกชน การจ้างงานและพัฒนาบุคลากร ตลอดจนการพัฒนาวิทยาศาสตร์และไอที มีผลทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงช่วยกระตุ้นการส่งออก รวมถึงการดำเนินนโยบายเพิ่มกำไรให้แก่บริษัทจดทะเบียน เช่น การยกเลิกภาษี Surtax 10% ในปี 2014 ทำให้ภาษีนิติบุคคลลดลงเหลือ 35.64% ช่วยให้บริษัทต่างๆ มีกำไรเพิ่มขึ้น แล้วนำไปลงทุนหรือสามารถเพิ่มค่าจ้างให้แก่พนักงานไปใช้จ่ายช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศอีกทางหนึ่ง โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นมีเป้าหมายจะผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้ได้ 2% ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อแก้ปัญหาภาวะเงินฝืดที่ในอดีตประชาชนอดออมไม่ใช้จ่าย ทำให้ราคาสินค้าคงที่หรือปรับตัวลดลง โดยหลังจากดำเนินนโยบาย Abenomics มาปีเศษ อัตราเงินเฟ้อได้ปรับเพิ่มเป็น 1.50% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดที่ยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ส่งผลดีต่อภาพรวมความเชื่อมั่นนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมากขึ้น

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้น NIKKEI มีทิศทางปรับตัวขึ้น รวมถึงการประเมินของบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของโลกและของญี่ปุ่นล้วนมีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น จากการสำรวจมุมมองการลงทุนของสำนักวิจัยโดยเฉลี่ยนักวิเคราะห์คาด NIKKEI225 ปลายปี 2014 อยู่ที่ 18,000 จุด และสูงสุดที่ 19,000 จุด หรือมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น upside ประมาณ 12-18% (Source: Bloomberg, January 8, 2014)

ทั้งนี้ บลจ.ได้เปิดขายกองทุนกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เจแปนนิส อิควิตี้ (CIMB-Principal Japanese Equity Fund) ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งกองทุนมีขนาด 1,500 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Principal Global Investors Funds-Japanese Equity Fund เพียงกองทุนเดียว กองทุนหลักที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนและที่เกี่ยวข้องกับตราสารทุน จดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่นหรือทำธุรกิจส่วนใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นที่ถูกจัดอันดับในหุ้นบลูชิป เช่น Toyota Moter Corp., Sumitomo Mitsui Financial Group.Inc, Mitsubishi Ufj Financial Group, Inc. Softbank Corp. Mizuho Financial Group, Inc. เป็นต้น ทั้งนี้ ในปี 2013 กองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 53.44% (JPY) สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบ MSCI Japan ที่สร้างผลตอบแทน +51.86%

นายเจษฎากล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทยนั้น เราประเมินว่าการเมืองไทยจะยืดเยื้อและยังมองไม่เห็นสถานการณ์ว่าจะมีจุดจบเช่นไร ทำให้ตลาดหุ้นไทยนั้นยังเคลื่อนไหวแบบ side way โดยกลยุทธ์นั้นหากดัชนีบวก/ลบอยู่ที่ 1,200 จุดก็ควรที่จะทยอยซื้อ และเมื่อเห็นดัชนีอยู่ที่ 1,400-1,500 จุดก็เป็นจังหวะที่สามารถขายทำกำไรได้ ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนในช่วงปีนี้เรามองว่าหุ้นที่เกี่ยวกับการส่งออกก็ยังน่าสนใจเนื่องจากได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจตลาดพัฒนาแล้วเริ่มทยอยฟื้นตัว ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวกับปิโตเคมีก็น่าสนใจ ส่วนหุ้นที่ควรจะต้องระมัดระวังนั้นก็คือหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการเมือง และหุ้นที่เกี่ยวกับธุรกิจเช่าซื้อ และการเมือง เป็นต้น

“ในปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายน่าจะทรงตัวและมีโอกาสที่จะปรับลงเล็กน้อย ส่วนค่าเงินบาทนั้นมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงอีกด้วย”

ตั้งเป้า AUM ปี 57 โต 1 เท่า

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า แผนธุรกิจของ บลจ.ในปีนี้ยังคงให้ความสำคัญต่อธุรกิจกองทุนรวมเป็นหลัก โดยเราวางเป้าเติบโตปีนี้ 25,000 ล้านบาท โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ หรือ AUM ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท ซึ่งแผนงานในปีนี้เราจะเน้นการขยายช่องทางในการขายกองทุนมากขึ้น รวมถึงการร่วมกับธนาคารซีไอเอ็มบีในการขยายฐานลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้าบุคคลโดยเฉพาะกองทุนส่วนบุคคล ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นก็ยังคงเน้นด้วยเช่นกัน โดยจะเจาะลูกค้ากลุ่ม SME ให้มากขึ้น

“ในปีนี้เรามีกองรีสต์ที่จะขายไอพีโอในไตรมาสที่ 2 นี้ประมาณ 2 กองทุน ขนาดกองทุนละ 2,500 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน โดยในปีนี้เราจะเน้นกองทุนต่างประเทศ และเน้นให้นักลงทุนกระจายพอร์ตการลงทุน โดยมีกองทุนมันนีมาร์เกต และกองทุนตราสารหนี้ควบคู่ไปด้วย”


กำลังโหลดความคิดเห็น