โตเกียวมารีนเอเชียมั่นใจตลาดเกิดใหม่-เอเชียยังแจ่มพร้อมลงทุนขยายงาน ระบุธุรกิจประกันชีวิตยังโตฝ่ามรสุมเศรษฐกิจถดถอย โดยเน้นสินค้า-บริการเป็นตัวผลักดัน โตเกียวมารีนประกันชีวิตมั่นใจกวาดเบี้ยเข้าเป้า ส่วนปีหน้าโตอีก 29% คิดเป็นเบี้ยรับรวม 3,785 ล้านบาท พร้อมเร่งขยายงานเพิ่มตัวแทนอีก 1,000 คน
นายอาเธอร์ ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัทโตเกียวมารีนเอเชีย เปิดเผยว่า การลงทุนของกลุ่มโตเกียวมารีนยังคงให้ความสำคัญต่อกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในแถบเอเชีย ซึ่งปัจจุบันมีการประกอบธุรกิจในเอเชียอยู่ 15 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทประกันชีวิต 5 แห่ง และบริษัทประกันภัย 10 แห่ง โดยประเทศไทยมีฐานลูกค้าอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากอันดับ 1 คือประเทศมาเลเซีย และอันดับ 2 ประเทศสิงคโปร์
ส่วนแนวโน้มของธุรกิจประกันชีวิตในปีหน้าเชื่อว่าจะสามารถเติบโตต่อไปท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทย โดยจะต้องให้ความสำคัญต่อการเลือกสินค้าให้ตรงความต้องการของลูกค้าและบริการที่ดีเป็นตัวผลักดัน ซึ่งช่องทางการขายที่สำคัญของบริษัทจะยังคงเป็นช่องทางตัวแทน ที่มีความพยายามพัฒนาศักยภาพทีมขายอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
“เราต้องเลือกสินค้าให้เหมาะต่อความต้องการ ซึ่งในไทยจะมีความนิยมสินค้าประเภทให้ผลตอบแทนซึ่งแตกต่างจากสิงค์โปร์ที่นิยมสินค้าที่ให้ความคุ้มครองมากกว่า ส่วนช่องทางขายถึงแม้จะมีอยู่หลากหลายช่องทางแต่เราเชื่อว่าตัวแทนจะเป็นช่องทางที่สำคัญ โดยเราได้ลงทุนและพยายามฝึกอบรมฝ่ายขายของเรามาตลอด ขณะที่การขยายตลาดในกลุ่มอาเซียนนั้นโตเกียวมารีนมีความพร้อมและกำลังศึกษาถึงการเข้าไปลงทุน แต่จะต้องดูกฎเกณฑ์ของแต่ละประเทศก่อนว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร”
นายตาคูย่า มิตานิ กรรมการผู้จัดการโตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยถึงแม้จะเจอกับสภาวะถดถอย แต่เชื่อว่าจะสามารถผ่านพ้นกลับสู่ภาวะปกติได้ เนื่องจากไทยมีบทเรียนและประสบการณ์จากปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ และอุทกภัยมาแล้ว โดยในปีหน้าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังคงเติบโตได้ต่อจากปีนี้ และมีเบี้ยรับรวมถึง 3,785 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 29% ส่วนในปีนี้เชื่อว่าผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้คือมีเบี้ยรับรวมประมาณ 2,900 ล้านบาท หลังจากช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำเบี้ยรับรวมไปแล้ว 2,151 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 35%
อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาการเมืองในช่วงนี้ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อการรับประกันกลุ่มของบริษัทพอสมควร หากปัญหาดังกล่าวไม่มีข้อสรุปที่ดีและยืดเยื้อไปถึงปีหน้าเนื่องจากลูกค้าประกันกลุ่มของบริษัทประมาณ 60% เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น และอีก 40% เป็นลูกค้าจากเชื้อชาติอื่น ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าประกันกลุ่มในปีหน้าอีก 10% คิดเป็นเบี้ยประมาณ 770 ล้านบาท ขณะที่สิ้นปี 2556 เบี้ยดังกล่าวน่าจะโต 701 ล้านบาท
ด้านนายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารช่องทางการขาย และประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์องค์กร กล่าวว่า การแข่งขันของธุรกิจประกันชีวิตค่อนข้างรุนแรง และสำหรับช่องทางการขายบริษัทเน้นการขายผ่านตัวแทนอย่างมีประสิทธิภาพ และได้มีการพัฒนามาตลอด ส่วนในปีหน้าบริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนตัวแทนอีก 1,000 คน จากเดิมที่มีอยู่แล้วประมาณ 2,400 คน
ส่วนด้านผลิตภัณฑ์ บริษัทยังคงเน้นการเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าบำนาญ โดยในปีหน้าสินค้ากลุ่มประเภทที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพของบริษัทมีการปรับเบี้ยลดประมาณ 3-5% แต่ทุนประกันเท่าเดิม จากการปรับลดตามตารางมรณะใหม่ที่ทาง คปภ.ประกาศใช้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าไปแข่งขันกับบริษัทอื่นได้มากขึ้นจากอัตราเบี้ยที่ลดลง
