ทิพยประกันชีวิตลั่นปีหน้ากวาดเบี้ยแตะ 6,000 ล้านบาท หลังปีนี้ผลงานหรู 9 เดือนเก็บไป 3,200 ล้านบาท คาดสิ้นปียอดถึง 4,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมรุกเพิ่มความร่วมมือแบงก์รัฐอีกทั้ง ธอส.-ไอแบงก์-เอสเอ็มอีแบงก์
นายบรรพต หงษ์ทอง ประธานกรรมการบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดว่าในปีหน้าบริษัทยังจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมีเบี้ยรับรวมได้ถึง 6,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทจะเน้นการใช้บุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทมากที่สุด โดยจะเห็นได้จากช่วงที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งบริษัทสามารถสร้างเบี้ยประกันภัยได้เพิ่มมากขึ้นทุกปี
นายนพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนงานในปีหน้าคาดว่าจะสามารถทำเบี้ยรับรวมเติบโตถึง 15% หรือประมาณ 5,750 ล้านบาท ส่วนในปีนี้บริษัทมีเบี้ยรับรวมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาที่ระดับ 3,200 ล้านบาท และคาดสิ้นปี 2556 บริษัทจะมีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท โดยจะเน้นการขยายงานในส่วนของตัวแทนและการประกันชีวิตแบบสามัญมากขึ้น และคาดว่าในปีหน้าจะสามารถเพิ่มจำนวนตัวแทนได้ถึง 2,000 คน จากเดิมในปีนี้ที่มีอยู่ 1,000 คน
ทั้งนี้ เบี้ยรับรวมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2557 น่าจะมีสัดส่วนจากช่องทางธนาคารประมาณ 70% ช่องทางตัวแทน 25% และช่องทางการรับประกันกลุ่มอีก 5%
“เบี้ยหลักๆ ที่เราได้ก็จะมาจากตัวสินเชื่อที่อยู่อาศัยของออมสินจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาทซึ่งเป็นเบี้ยใหม่หมด เพราะตัวนี้จะไม่มีปีต่ออายุ และที่เหลือจะเป็นเบี้ยใหม่ของประกันชีวิตแบบสามัญ 1,200 ล้านบาทและเบี้ยต่ออายุอีก 1,300 ล้านบาท ซึ่งอัตราการต่ออายุของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีมากคือที่ 98% และหลังจากนี้บริษัทคงจะต้องขยายงานและเน้นการบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้นด้วย”นายนพพรกล่าว
นายนพพร กล่าวอีกว่า ในปีหน้าเพื่อเป็นการรองรับการขยายงานและการรับประกัน บริษัทและผู้ถือหุ้นมีแผนที่จะเพิ่มทุนอีกประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อนำไปตั้งสำรองเบี้ยที่ขายได้มากขึ้นให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด หลังจากในช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโตอย่างมากจากเดิมในช่วงแรกที่มีเบี้ยรับรวมแค่ 200 กว่าล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาทในปี 2555 และในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท จึงทำให้ผู้ถือหุ้นมีมติร่วมกันในการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมที่จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่โดยเฉพาะธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี แบงก์) ส่วนช่องทางการขายตรงบริษัทมีแผนที่จะขยายการขายผ่านทีวีไดเร็ค และยังมีแนวคิดที่จะขยายงานประกันชีวิตกับพันธมิตรที่เป็นบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อีกด้วย
ส่วนสินค้าที่บริษัทเตรียมจะเสนอขายและคาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั้งในปีนี้และปีหน้าคือสินค้าที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยในช่วงท้ายของปีนี้บริษัทจะเปิดขายแบบประกันใหม่ 2/8 และ 2/5 ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4% ตั้งวงเงินขายไว้ที่ 200 ล้านบาท โดยกำหนดเบี้ยขั้นต่ำไว้ที่ประมาณ 5 แสนบาทต่อราย
นายบรรพต หงษ์ทอง ประธานกรรมการบริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และคาดว่าในปีหน้าบริษัทยังจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมีเบี้ยรับรวมได้ถึง 6,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทจะเน้นการใช้บุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทมากที่สุด โดยจะเห็นได้จากช่วงที่ตนเองเข้ามารับตำแหน่งบริษัทสามารถสร้างเบี้ยประกันภัยได้เพิ่มมากขึ้นทุกปี
นายนพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แผนงานในปีหน้าคาดว่าจะสามารถทำเบี้ยรับรวมเติบโตถึง 15% หรือประมาณ 5,750 ล้านบาท ส่วนในปีนี้บริษัทมีเบี้ยรับรวมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาที่ระดับ 3,200 ล้านบาท และคาดสิ้นปี 2556 บริษัทจะมีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท โดยจะเน้นการขยายงานในส่วนของตัวแทนและการประกันชีวิตแบบสามัญมากขึ้น และคาดว่าในปีหน้าจะสามารถเพิ่มจำนวนตัวแทนได้ถึง 2,000 คน จากเดิมในปีนี้ที่มีอยู่ 1,000 คน
ทั้งนี้ เบี้ยรับรวมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2557 น่าจะมีสัดส่วนจากช่องทางธนาคารประมาณ 70% ช่องทางตัวแทน 25% และช่องทางการรับประกันกลุ่มอีก 5%
“เบี้ยหลักๆ ที่เราได้ก็จะมาจากตัวสินเชื่อที่อยู่อาศัยของออมสินจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาทซึ่งเป็นเบี้ยใหม่หมด เพราะตัวนี้จะไม่มีปีต่ออายุ และที่เหลือจะเป็นเบี้ยใหม่ของประกันชีวิตแบบสามัญ 1,200 ล้านบาทและเบี้ยต่ออายุอีก 1,300 ล้านบาท ซึ่งอัตราการต่ออายุของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ดีมากคือที่ 98% และหลังจากนี้บริษัทคงจะต้องขยายงานและเน้นการบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้นด้วย”นายนพพรกล่าว
นายนพพร กล่าวอีกว่า ในปีหน้าเพื่อเป็นการรองรับการขยายงานและการรับประกัน บริษัทและผู้ถือหุ้นมีแผนที่จะเพิ่มทุนอีกประมาณ 400 ล้านบาท เพื่อนำไปตั้งสำรองเบี้ยที่ขายได้มากขึ้นให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนด หลังจากในช่วงที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของบริษัทมีการเติบโตอย่างมากจากเดิมในช่วงแรกที่มีเบี้ยรับรวมแค่ 200 กว่าล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 1,500 ล้านบาทในปี 2555 และในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท จึงทำให้ผู้ถือหุ้นมีมติร่วมกันในการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมที่จะขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่โดยเฉพาะธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี แบงก์) ส่วนช่องทางการขายตรงบริษัทมีแผนที่จะขยายการขายผ่านทีวีไดเร็ค และยังมีแนวคิดที่จะขยายงานประกันชีวิตกับพันธมิตรที่เป็นบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์อีกด้วย
ส่วนสินค้าที่บริษัทเตรียมจะเสนอขายและคาดว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั้งในปีนี้และปีหน้าคือสินค้าที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยในช่วงท้ายของปีนี้บริษัทจะเปิดขายแบบประกันใหม่ 2/8 และ 2/5 ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4% ตั้งวงเงินขายไว้ที่ 200 ล้านบาท โดยกำหนดเบี้ยขั้นต่ำไว้ที่ประมาณ 5 แสนบาทต่อราย
