กบข.ลุ้นเพิ่มลงทุนต่างประเทศอีก 2.7 หมื่นล้านภายในสิ้นปี เล็งจีน-ยุโรปหลังเศรษฐกิจมังกรโต ส่วนยุโรปเริ่มฟื้นตัว มั่นใจช่วยเพิ่มโอกาสทำผลตอบแทนมากขึ้น ตั้งเป้าชนะเงินเฟ้อบวกส่วนต่างอีก 0.25% ระบุเศรษฐกิจไทยปีหน้ายังโต 4.5-5%
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. เปิดเผยว่า แนวทางการลงทุนของ กบข.ได้มีการปรับกลยุทธ์ตั้งแต่ตนเองเข้ามารับตำแหน่ง โดยเน้นการกระจายความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ ซึ่งการกระจายความเสี่ยงในช่วงที่ผ่านมา กบข.ได้มีการเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศมาจนเกือบเต็มเพดานที่กำหนดไว้คือประมาณ 25% ของสินทรัพย์ และได้มีความพยายามที่จะขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 40% ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการขออนุมัติเพื่อแก้ไขกฎกระทรวงให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะปรับแก้แล้วเสร็จได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเบื้องต้นน่าจะเพิ่มไปอยู่ที่ระดับ 30% หรือประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาทก่อน โดยปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของ กบข.มีประมาณ 4.4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในประเทศ 3.3 แสนล้านบาท และการลงทุนในต่างประเทศ 1.1 แสนล้านบาท และแบ่งเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศรวมประมาณ 2.8 แสนล้านบาท ตราสารทุนทั้งไทยและต่างประเทศรวม 1.3 แสนล้านบาท อสังหาริมทรัพย์ไทยและต่างประเทศ 2.1 หมื่นล้านบาท โครงสร้างพื้นฐานไทยและต่างประเทศ 2.6 พันล้านบาท ไพรเวตอิควิตี้ไทยและต่างประเทศรวม 6.3 พันล้านบาท และสินค้าโภคภัณฑ์ในต่างประเทศ 3.4 พันล้านบาท
“เรามีการปรับแผนการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้เหมาะสม ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพของการลงทุนได้ดีกว่าการลงทุนในประเทศ หรือตราสารหนี้อย่างเดียว ซึ่งการลงทุนต่างประเทศและการลงทุนทางเลือกจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เราถึงเป้าหมายผลตอบแทนที่ตั้งไว้ได้ดีกว่า โดยประมาณการผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้หากเพิ่มการกระจายการลงทุนแล้วจะต้องชนะอัตราเงินเฟ้อ หรือมากกว่าอัตราเงินเฟ้อบวกส่วนต่าง 0.25%” นางสาวโสภาวดีกล่าว
นางสาวโสภาวดีกล่าวอีกว่า การลงทุนในต่างประเทศ ปีหน้า กบข.คาดว่าจะมีการเพิ่มการลงทุนทางตรงในประเทศจีน และขยายการลงทุนไปในทวีปยุโรป โดยขณะนี้ กบข.ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต.จีนให้เข้าลงทุนโดยตรงในตราสารหนี้และตราสารทุนในวงเงินลงทุนรวม 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือเป็นสถาบันที่ได้รับอนุญาตการลงทุนในจีนเป็นแห่งที่ 245 จาก 247 แห่ง และการลงทุนจะแบ่งเป็นตราสารทุนประมาณ 40-50% ของวงเงิน 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เหลือจะลงทุนในตราสารหนี้และหุ้นกู้เอกชนเรตติ้งดี
“การเข้าไปลงทุนในประเทศจีนจะเห็นได้ว่าถึงแม้ปัจจุบันตลาดหุ้นจีนจะมีการปรับตัวลดลงอย่างมาก แต่เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจที่เติบโตในระดับ 8% ซึ่งมากกว่าไทยแล้ว ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน” นางสาวโสภาวดีกล่าว
ทั้งนี้ แนวโน้วเศรษฐกิจโลกในปีหน้า (2557) คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3.1% หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และกลุ่มยุโรปเริ่มเห็นการฟื้นตัว ส่วนเศรษฐกิจไทยเชื่อว่ายังเติบโตได้ 4.5-5% ด้านกลยุทธ์เน้นลงทุนหุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว ลงทุนตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และเตรียมลงทุนตรงในจีน เศรษฐกิจโลกปีหน้ายังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ คาดว่าได้แรงหนุนหลักจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของ กบข. ช่วงปีหน้าจะให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดตราสารทุนของประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐฯ และกลุ่มยุโรป เนื่องจากได้ปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สำหรับตลาดสหรัฐฯ จะเน้นลงทุนกลุ่มหุ้นที่ P/E ต่ำ เป็นต้น ส่วนหุ้นยุโรปจะเลือกลงทุนหุ้นขนาดกลางในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่หุ้นตลาดเกิดใหม่ยังรอจังหวะเข้าลงทุน หากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาคส่งออก และการปรับตัวดีขึ้นของสินค้าโภคภัณฑ์
ส่วนตราสารหนี้จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ประเทศกำลังพัฒนาเนื่องจากมีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ พร้อมลดอายุการถือครองตราสารหนี้ในประเทศเพราะมีความเสี่ยงจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ด้านการลงทุนทางเลือก จะเน้นลงทุนเพิ่มในอสังหาริมทรัพย์โลก โครงสร้างพื้นฐาน และไพรเวตอิควิตี้โลกเพราะมีโอกาสเติบโตสูง สำหรับการลงทุนในประเทศยังให้น้ำหนักการลงทุนเท่ากับตัวเทียบวัด แม้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังมีความกังวลจากภาคการส่งออก และปัจจัยทางการเมือง