กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมัน ผู้ถือหุ้นใหญ่ของอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เชื่อมั่นเศรษฐกิจเอเชียยังเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าลงทุนเพิ่ม 4 เท่าตัวใน 3 ประเทศเอเชีย ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยเฉพาะไทยที่มีจุดแข็งคือมีกฎระเบียบที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และเป็นประเทศที่มีผลประกอบการดีมาตลอด จึงเชื่อมั่นว่าการเติบโตจะเป็นไปอย่างยั่งยืน ชูกลยุทธ์ 3 เสาหลักสร้างแบรนด์แกร่งรุกตลาดเอเชีย โดยมุ่งโปรโมต One Advice Campaign มุ่งเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ร่วมแบ่งปันประสบการณ์จริง รวมถึงให้การสนับสนุนกิจกรรมระดับโลก Global Sponsoring และมุ่งเน้นการตลาดดิจิตอล
นายโจเซฟ กุมาร์ กรอส กรรมการบริหาร ประธานสายงานบริหารการตลาด กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมัน เปิดเผยว่า ประเทศในเอเชียที่กลุ่มอลิอันซ์ให้ความสำคัญในการขยายตลาดและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมี 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งอลิอันซ์มองว่ามีการเติบโตในทิศทางที่ยั่งยืน เนื่องจากมีกฎระเบียบต่างๆ ที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและบริษัทคู่ค้าในประเทศ ที่สำคัญเป็นประเทศที่อลิอันซ์มีผลประกอบการดีมาตลอด และด้วยอัตราการถือครองประกันชีวิตในประเทศที่ยังต่ำ จึงเชื่อมั่นว่าการเติบโตจะเป็นไปได้อย่างยั่งยืน และควรเป็นประเทศที่กลุ่มอลิอันซ์ให้การสนับสนุนต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์ในการเสริมสร้างแบรนด์ของอลิอันซ์ บริษัทฯ จะเน้น 3 เสาหลัก คือ 1. ส่งเสริมแคมเปญ One Advice Campaign ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลก ที่มีการปรับใช้ในตลาดแต่ละประเทศ โดยยึดการเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แบ่งปันประสบการณ์จริง โดยกลุ่มอลิอันซ์ได้ทำการวิจัยตลาดมาแล้ว และพบว่าสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นในใจผู้บริโภคได้ 2. การสนับสนุนกิจกรรมระดับโลก Global Sponsoring โดยเชื่อมโยงกับธุรกิจของอลิอันซ์ที่มีอยู่ เช่น การแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง Formula One เชื่อมโยงกับธุรกิจประกันวินาศภัย เพื่อรณรงค์การขับขี่อย่างปลอดภัย การสนับสนุนกีฬาพาราลิมปิกคนพิการ เชื่อมโยงกับคนที่สูญเสียอวัยวะ การสนับสนุนทีมฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิก ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การสนับสนุนทีมแต่ ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลผ่านโครงการอลิอันซ์ จูเนียร์ ฟุตบอลแคมป์ ซึ่งประเทศไทยส่งเยาวชนเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“การสปอนเซอร์สิ่งเหล่านี้ทำให้เราใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ก็ได้ขยายการสนับสนุนให้ครอบคลุมด้านของวัฒนธรรมและศิลปะมากขึ้น โดยได้ร่วมกับหลางหลาง นักเปียโนคลาสสิกชาวจีนชื่อก้องโลก จัดค่ายเสริมทักษะด้านดนตรีให้แก่เด็กๆ ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยพลังของดนตรีที่ไร้พรมแดน จะเป็นตัวเชื่อมที่จะทำให้ประชาชนรู้จักเรามากขึ้น” นายโจเซฟกล่าว
ส่วนเสาหลักที่ 3 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการตลาดดิจิตอล โดยจะให้ความสำคัญใน 3 ส่วน คือ 1. สื่อสังคมออนไลน์ Social media 2. คู่ค้าทางดิจิตอล Digital partner และ 3. นวัตกรรมผ่านดิจิตอล Digital innovation
“ในแง่ของสื่อสังคมออนไลน์ เราเน้นที่เว็บไซต์องค์กรและช่องทางขาย โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพของการติดต่อลูกค้า การเสนอขาย และปิดการขาย เพราะการทำบ่อยๆ และมีคุณภาพจะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีและปิดการขายได้ดีขึ้น ปัจจุบันจำนวนเฟซบุ๊กแฟนของเราเป็นอันดับหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย ส่วนช่องทางขาย เราก็สร้างเฟซบุ๊กให้กับตัวแทนเพื่อให้ลูกค้าและตัวแทนพบกันง่ายขึ้น และทำทุกอย่างให้โปร่งใสเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและน่าเชื่อถือให้กับบริษัท ส่วนพันธมิตรดิจิตอลของเราก็คือ Google และ Microsoft” นายโจเซฟกล่าวเพิ่มเติม
เขากล่าวอีกว่า ในส่วนของการสร้างแบรนด์ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยวัดจากการจัดอันดับของ Inter Brand ที่จัดอันดับ 100 แบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก ในปี 2011 อลิอันซ์อยู่อันดับที่ 67 มีมูลค่า 5,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2012 ขยับขึ้นมาในอันดับที่ 62 มีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นเป็น 6,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
“อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์จะยังคงอยู่และพัฒนาไปเรื่อยๆ โดยจะเพิ่มงบประมาณการตลาด 2-4 เท่าเพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งในเอเชีย โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องของดิจิตอลมากขึ้น และพยายามเชื่อมโยงกลยุทธ์นี้ในการสร้างแบรนด์ระดับโลกลงมาสู่ระดับประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างแบรนด์ของเราคือ การที่ลูกค้าให้โอกาสอลิอันซ์เข้าไปมีส่วนร่วมที่สำคัญและอยู่เคียงข้างในชีวิตของพวกเขา” นายโจเซฟกล่าวสรุป
นายโจเซฟ กุมาร์ กรอส กรรมการบริหาร ประธานสายงานบริหารการตลาด กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมัน เปิดเผยว่า ประเทศในเอเชียที่กลุ่มอลิอันซ์ให้ความสำคัญในการขยายตลาดและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งมี 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งอลิอันซ์มองว่ามีการเติบโตในทิศทางที่ยั่งยืน เนื่องจากมีกฎระเบียบต่างๆ ที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและบริษัทคู่ค้าในประเทศ ที่สำคัญเป็นประเทศที่อลิอันซ์มีผลประกอบการดีมาตลอด และด้วยอัตราการถือครองประกันชีวิตในประเทศที่ยังต่ำ จึงเชื่อมั่นว่าการเติบโตจะเป็นไปได้อย่างยั่งยืน และควรเป็นประเทศที่กลุ่มอลิอันซ์ให้การสนับสนุนต่อเนื่อง
สำหรับกลยุทธ์ในการเสริมสร้างแบรนด์ของอลิอันซ์ บริษัทฯ จะเน้น 3 เสาหลัก คือ 1. ส่งเสริมแคมเปญ One Advice Campaign ซึ่งเป็นแคมเปญระดับโลก ที่มีการปรับใช้ในตลาดแต่ละประเทศ โดยยึดการเอาลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้แบ่งปันประสบการณ์จริง โดยกลุ่มอลิอันซ์ได้ทำการวิจัยตลาดมาแล้ว และพบว่าสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นในใจผู้บริโภคได้ 2. การสนับสนุนกิจกรรมระดับโลก Global Sponsoring โดยเชื่อมโยงกับธุรกิจของอลิอันซ์ที่มีอยู่ เช่น การแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่ง Formula One เชื่อมโยงกับธุรกิจประกันวินาศภัย เพื่อรณรงค์การขับขี่อย่างปลอดภัย การสนับสนุนกีฬาพาราลิมปิกคนพิการ เชื่อมโยงกับคนที่สูญเสียอวัยวะ การสนับสนุนทีมฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิก ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การสนับสนุนทีมแต่ ยังเปิดโอกาสให้เยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลผ่านโครงการอลิอันซ์ จูเนียร์ ฟุตบอลแคมป์ ซึ่งประเทศไทยส่งเยาวชนเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“การสปอนเซอร์สิ่งเหล่านี้ทำให้เราใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ ก็ได้ขยายการสนับสนุนให้ครอบคลุมด้านของวัฒนธรรมและศิลปะมากขึ้น โดยได้ร่วมกับหลางหลาง นักเปียโนคลาสสิกชาวจีนชื่อก้องโลก จัดค่ายเสริมทักษะด้านดนตรีให้แก่เด็กๆ ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยพลังของดนตรีที่ไร้พรมแดน จะเป็นตัวเชื่อมที่จะทำให้ประชาชนรู้จักเรามากขึ้น” นายโจเซฟกล่าว
ส่วนเสาหลักที่ 3 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการตลาดดิจิตอล โดยจะให้ความสำคัญใน 3 ส่วน คือ 1. สื่อสังคมออนไลน์ Social media 2. คู่ค้าทางดิจิตอล Digital partner และ 3. นวัตกรรมผ่านดิจิตอล Digital innovation
“ในแง่ของสื่อสังคมออนไลน์ เราเน้นที่เว็บไซต์องค์กรและช่องทางขาย โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพของการติดต่อลูกค้า การเสนอขาย และปิดการขาย เพราะการทำบ่อยๆ และมีคุณภาพจะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีและปิดการขายได้ดีขึ้น ปัจจุบันจำนวนเฟซบุ๊กแฟนของเราเป็นอันดับหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทย ส่วนช่องทางขาย เราก็สร้างเฟซบุ๊กให้กับตัวแทนเพื่อให้ลูกค้าและตัวแทนพบกันง่ายขึ้น และทำทุกอย่างให้โปร่งใสเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและน่าเชื่อถือให้กับบริษัท ส่วนพันธมิตรดิจิตอลของเราก็คือ Google และ Microsoft” นายโจเซฟกล่าวเพิ่มเติม
เขากล่าวอีกว่า ในส่วนของการสร้างแบรนด์ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยวัดจากการจัดอันดับของ Inter Brand ที่จัดอันดับ 100 แบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก ในปี 2011 อลิอันซ์อยู่อันดับที่ 67 มีมูลค่า 5,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2012 ขยับขึ้นมาในอันดับที่ 62 มีมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้นเป็น 6,200 ล้านเหรียญสหรัฐ
“อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์จะยังคงอยู่และพัฒนาไปเรื่อยๆ โดยจะเพิ่มงบประมาณการตลาด 2-4 เท่าเพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งในเอเชีย โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องของดิจิตอลมากขึ้น และพยายามเชื่อมโยงกลยุทธ์นี้ในการสร้างแบรนด์ระดับโลกลงมาสู่ระดับประเทศ ซึ่งจริงๆ แล้วสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างแบรนด์ของเราคือ การที่ลูกค้าให้โอกาสอลิอันซ์เข้าไปมีส่วนร่วมที่สำคัญและอยู่เคียงข้างในชีวิตของพวกเขา” นายโจเซฟกล่าวสรุป