คปภ.เตรียมดันบริษัทประกันเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังเพิ่มศักยภาพให้เป็นมาตรฐานสากล เผยหลัง ก.ล.ต.ยืดหยุ่นหนุนบริษัทประกันเข้าลงทุนต่างประเทศไม่กระทบ แย้มเป็นการจัดสมดุลที่ดีทั้งใน และต่างประเทศ ล่าสุดจับมือสมาคมประกัน สมาคมประกันชีวิตไทย และกรุงเทพมหานคร จัดโครงการ “ประกันเพื่อการออม คุ้มครองชีวิตพอเพียง” เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ชาว กทม.
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. เปิดเผยว่า ณ ปัจจุบันทรัพย์สินสุทธิของประกันชีวิตมีอยู่ประมาณ 1.77 ล้านล้านบาท ขณะที่ประกันวินาศภัยมีอยู่ประมาณ 6 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่แล้วจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้ 80-85% ส่วนการลงทุนในหุ้นอยู่ที่ 10-15%
ทั้งนี้ หลังจาก ก.ล.ต.ได้ออกกฎให้บริษัทประกันสามารถไปลงทุนยังต่างประเทศได้ เชื่อว่าไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะว่าการลงทุนในต่างประเทศทำได้ไม่มากแค่ 5% เท่านั้น และน่าจะทำให้เกิดความสมดุลทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยการเติบโตของเบี้ยประกันทั้งอุตสาหกรรมปีนี้ยังคงตั้งเป้าไว้ตามเดิมที่ 17%
ทั้งนี้ แผนงานที่ คปภ.มีการผลักดันให้บริษัทประกันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้บริษัทประกันเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น เพราะจะทำให้กลไกทางการตลาดเข้าสู่การเป็นระบบสากลมากยิ่งขึ้นในการลงทุน และให้มาตรฐานเดียวกัน อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละบริษัทว่าจะเข้าร่วมหรือไม่
ล่าสุด คปภ.ได้ร่วมมือกับสมาคมประกันชีวิตไทย และกรุงเทพมหานครจัดโครงการ ประกันเพื่อการออม คุ้มครองชีวิตพอเพียง เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนกรุงเทพมหานครมีวินัยการออมเงิน เนื่องจากเรามองว่าสังคมเราในปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ความร่วมมือกับโครงการดังกล่าวเป็นก้าวที่สำคัญ เพื่อให้ชาว กทม.ส่งเสริมรักการออมในรูปแบบของการทำประกันชีวิต และยังเป็นการน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ กทม.
ด้านนายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า หลังจากที่สมาคมฯ ได้รับโจทย์จากทางกรุงเทพมหานครกับโครงการประกันเพื่อการออม คุ้มครองชีวิตพอเพียง เราได้นำนโยบายดังกล่าวให้สมาชิกของสมาคมฯ ได้รับทราบกันทั้ง 24 บริษัท โดยบริษัทประกันที่ได้เข้าร่วมโครงการ ณ ขณะนี้มีด้วยกัน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ซึ่งถือว่าประกันดังกล่าวเป็นรูปแบบประกันใหม่ที่ให้ความคุ้มครองเรื่องการบริหารความเสี่ยงและเรื่องของการเก็บออมเงินด้วย โดยเหมาะสมกับประชาชนกรุงเทพมหานครที่เก็บเบี้ยประกันเพียงเดือนละ 500 บาท คุ้มครอง 20 ปี มีเงินคืนทุก 5 ปี พร้อมรับเงินชดเชยกรณีเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในวันละ 500 บาท และเบี้ยประกันชีวิตยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย
ขณะที่นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการประกันเพื่อการออม คุ้มครองชีวิตพอเพียง จะจัดงานเปิดตัวในวันที่ 9 กันยายน 2556 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชน กทม. (ไทย- ญี่ปุ่น) เขตดินแดง และจัดงานรวมพลคนกรุงเทพฯ รักการออมในวันที่ 14 กันยายน 2556 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กทม.ได้จัดทำโครงการต่างๆ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักการวางแผนการใช้จ่ายเงิน รู้จักประหยัด มีวินัยในการออม และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เช่น โครงการศูนย์ส่งเสริมวินัยการออม ตลอดจนแนะนำช่องทางการเพิ่มคุณค่าของเงินออม รวมถึงโครงการชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริ รณรงค์ให้ประชาชนทำบัญชีรายรับ รายจ่ายของตนเองและครอบครัว และโครงการบัญชีเงินออมเพื่อชีวิตพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. เปิดเผยว่า ณ ปัจจุบันทรัพย์สินสุทธิของประกันชีวิตมีอยู่ประมาณ 1.77 ล้านล้านบาท ขณะที่ประกันวินาศภัยมีอยู่ประมาณ 6 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่แล้วจะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้ 80-85% ส่วนการลงทุนในหุ้นอยู่ที่ 10-15%
ทั้งนี้ หลังจาก ก.ล.ต.ได้ออกกฎให้บริษัทประกันสามารถไปลงทุนยังต่างประเทศได้ เชื่อว่าไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด เพราะว่าการลงทุนในต่างประเทศทำได้ไม่มากแค่ 5% เท่านั้น และน่าจะทำให้เกิดความสมดุลทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยการเติบโตของเบี้ยประกันทั้งอุตสาหกรรมปีนี้ยังคงตั้งเป้าไว้ตามเดิมที่ 17%
ทั้งนี้ แผนงานที่ คปภ.มีการผลักดันให้บริษัทประกันเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้บริษัทประกันเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น เพราะจะทำให้กลไกทางการตลาดเข้าสู่การเป็นระบบสากลมากยิ่งขึ้นในการลงทุน และให้มาตรฐานเดียวกัน อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละบริษัทว่าจะเข้าร่วมหรือไม่
ล่าสุด คปภ.ได้ร่วมมือกับสมาคมประกันชีวิตไทย และกรุงเทพมหานครจัดโครงการ ประกันเพื่อการออม คุ้มครองชีวิตพอเพียง เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนกรุงเทพมหานครมีวินัยการออมเงิน เนื่องจากเรามองว่าสังคมเราในปัจจุบันกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ความร่วมมือกับโครงการดังกล่าวเป็นก้าวที่สำคัญ เพื่อให้ชาว กทม.ส่งเสริมรักการออมในรูปแบบของการทำประกันชีวิต และยังเป็นการน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ กทม.
ด้านนายสาระ ล่ำซำ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า หลังจากที่สมาคมฯ ได้รับโจทย์จากทางกรุงเทพมหานครกับโครงการประกันเพื่อการออม คุ้มครองชีวิตพอเพียง เราได้นำนโยบายดังกล่าวให้สมาชิกของสมาคมฯ ได้รับทราบกันทั้ง 24 บริษัท โดยบริษัทประกันที่ได้เข้าร่วมโครงการ ณ ขณะนี้มีด้วยกัน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ซึ่งถือว่าประกันดังกล่าวเป็นรูปแบบประกันใหม่ที่ให้ความคุ้มครองเรื่องการบริหารความเสี่ยงและเรื่องของการเก็บออมเงินด้วย โดยเหมาะสมกับประชาชนกรุงเทพมหานครที่เก็บเบี้ยประกันเพียงเดือนละ 500 บาท คุ้มครอง 20 ปี มีเงินคืนทุก 5 ปี พร้อมรับเงินชดเชยกรณีเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยในวันละ 500 บาท และเบี้ยประกันชีวิตยังสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย
ขณะที่นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการประกันเพื่อการออม คุ้มครองชีวิตพอเพียง จะจัดงานเปิดตัวในวันที่ 9 กันยายน 2556 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชน กทม. (ไทย- ญี่ปุ่น) เขตดินแดง และจัดงานรวมพลคนกรุงเทพฯ รักการออมในวันที่ 14 กันยายน 2556 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เขตหลักสี่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กทม.ได้จัดทำโครงการต่างๆ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักการวางแผนการใช้จ่ายเงิน รู้จักประหยัด มีวินัยในการออม และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เช่น โครงการศูนย์ส่งเสริมวินัยการออม ตลอดจนแนะนำช่องทางการเพิ่มคุณค่าของเงินออม รวมถึงโครงการชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริ รณรงค์ให้ประชาชนทำบัญชีรายรับ รายจ่ายของตนเองและครอบครัว และโครงการบัญชีเงินออมเพื่อชีวิตพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ
