ช่วงนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงรับทรัพย์ของนักลงทุนกันเลยทีเดียว เพราะจะเห็นได้ว่าหลายๆ บลจ.ต่างออกมาจ่ายปันผลให้นักลงทุนกันเป็นว่าเล่น เริ่มกันที่ บลจ.บัวหลวง จ่ายเงินปันผลกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 17 เมษายน ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2556 (75 วัน) ในอัตราที่ 0.117 บาทต่อหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 17 กันยายนนี้
ทั้งนี้ กองทุน BTSGIF เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกองแรกของไทย ได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ถึงวันที่ 4 เมษายน 2556 การเสนอขายหน่วยลงทุนได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีจนสามารถจัดตั้งกองทุนได้สำเร็จ โดยในวันที่ 17 เมษายน 2556 กองทุนดังกล่าวได้จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ด้วยทุนจดทะเบียน 62,510.4 ล้านบาท และได้ลงทุนในรายได้สุทธิที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 2 สายหลัก ได้แก่ หมอชิต-อ่อนนุช และสะพานตากสิน-สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.5 กิโลเมตร
นอกจากนี้ กองทุนนี้ให้โอกาสแก่ผู้ลงทุนทุกประเภทที่ต้องการโอกาสรับรายได้สม่ำเสมอจากการลงทุนในธุรกิจขนส่งมวลชนทางรางของบีทีเอส ซึ่งเป็นวิธีการสัญจรที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนเมืองในปัจจุบัน รวมถึงมีโอกาสรับประโยชน์จากรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 2 สายหลักที่มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันเนื่องจากการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของจำนวนผู้โดยสาร เพราะทั้งสองเส้นทางผ่านพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร อีกทั้งการขยายเครือข่ายของเส้นทางรถไฟฟ้าก็ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งจะทำให้ปริมาณผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นตามลำดับ เพราะว่าได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางไปยังพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกัน ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาก็ยังได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ โดยได้รับการยกเว้นภาษีจากเงินปันผลที่ได้รับไปถึง 10 ปีอีกด้วย
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ไม่น้อยหน้า จ่ายปันผล 3 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ในวันที่ 13 กันยายน 2556 ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไทย (TTLPF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 11 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2556 ในอัตรา 0.37 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นเงินประมาณ 66.60 ล้านบาท
โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทลอินเวสเม้นต์ (TRIF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 4 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2556 ในอัตรา 0.38 บาทต่อหน่วย คิดเป็นเงินประมาณ 94.62 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 5 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2556 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย คิดเป็นเงินประมาณ 143.29 ล้านบาท
ทั้งนี้ TTLPF เป็นการลงทุนในสิทธิการเช่าสิ่งปลูกสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก (บางส่วน) ในโครงการตลาดไท โดยการจดทะเบียนสิทธิการเช่าเป็นระยะเวลา 20 ปี ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าเกือบเต็มพื้นที่ ส่วนกองทุน TRIF ลงทุนในโครงการศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซา งามวงศ์วาน ซึ่งมีการจัดหาประโยชน์ในรูปแบบของการให้เช่าและให้บริการ ทั้งประเภทห้องเช่าและแผงเช่า ประกอบด้วยโซนคอมพิวเตอร์หรือไอทีเซ็นเตอร์ โซนเครื่องใช้ไฟฟ้า โซนแฟชั่น โซนเครื่องเขียน โซนพระเครื่อง โซนตลาดนัด ร้านค้าย่อยทั่วไป ศูนย์อาหาร โดยปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่กว่า 90% และกองทุน DTCPF ลงทุนในโรงแรมของกลุ่มดุสิตธานีจำนวน 3 แห่ง แบ่งเป็นลงทุนแบบมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ และการลงทุนในสิทธิการเช่าในโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน เพื่อนำไปให้เช่าและเช่าช่วง
ขณะที่ บลจ.กสิกรไทย จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา (CTARAF) มีกำหนดการจ่ายปันผลครั้งที่ 19 จากผลการดำเนินงานของกองทุนสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2556 ในอัตราหน่วยละ 0.0430 บาท และกำหนดการลดทุนครั้งที่ 2 ในอัตราหน่วยละ 0.1020 บาทให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 2 กันยายน 2556 โดยกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 11 กันยายน 2556
โดยโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทาราเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่บนหาดเฉวง มีเนื้อหาดกว้างถึง 300 เมตรซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งบนเกาะสมุย ได้ทำการเปิดดำเนินการมาแล้วกว่า 13 ปี ซึ่งกองทุนบริหารจัดการภายใต้การบริหารงานของบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจโรงแรมมานานกว่า 20 ปี
ทั้งนี้ กองทุน BTSGIF เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานกองแรกของไทย ได้เปิดเสนอขายหน่วยลงทุนเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ถึงวันที่ 4 เมษายน 2556 การเสนอขายหน่วยลงทุนได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีจนสามารถจัดตั้งกองทุนได้สำเร็จ โดยในวันที่ 17 เมษายน 2556 กองทุนดังกล่าวได้จดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ด้วยทุนจดทะเบียน 62,510.4 ล้านบาท และได้ลงทุนในรายได้สุทธิที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน 2 สายหลัก ได้แก่ หมอชิต-อ่อนนุช และสะพานตากสิน-สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งมีระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.5 กิโลเมตร
นอกจากนี้ กองทุนนี้ให้โอกาสแก่ผู้ลงทุนทุกประเภทที่ต้องการโอกาสรับรายได้สม่ำเสมอจากการลงทุนในธุรกิจขนส่งมวลชนทางรางของบีทีเอส ซึ่งเป็นวิธีการสัญจรที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนเมืองในปัจจุบัน รวมถึงมีโอกาสรับประโยชน์จากรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 2 สายหลักที่มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันเนื่องจากการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของจำนวนผู้โดยสาร เพราะทั้งสองเส้นทางผ่านพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร อีกทั้งการขยายเครือข่ายของเส้นทางรถไฟฟ้าก็ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งจะทำให้ปริมาณผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นตามลำดับ เพราะว่าได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางไปยังพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกัน ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาก็ยังได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ โดยได้รับการยกเว้นภาษีจากเงินปันผลที่ได้รับไปถึง 10 ปีอีกด้วย
ด้านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ไม่น้อยหน้า จ่ายปันผล 3 กองทุนอสังหาริมทรัพย์ในวันที่ 13 กันยายน 2556 ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไทย (TTLPF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 11 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายน 2556 ในอัตรา 0.37 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นเงินประมาณ 66.60 ล้านบาท
โดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทลอินเวสเม้นต์ (TRIF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 4 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2556 ในอัตรา 0.38 บาทต่อหน่วย คิดเป็นเงินประมาณ 94.62 ล้านบาท และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DTCPF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 5 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2556 ในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย คิดเป็นเงินประมาณ 143.29 ล้านบาท
ทั้งนี้ TTLPF เป็นการลงทุนในสิทธิการเช่าสิ่งปลูกสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก (บางส่วน) ในโครงการตลาดไท โดยการจดทะเบียนสิทธิการเช่าเป็นระยะเวลา 20 ปี ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าเกือบเต็มพื้นที่ ส่วนกองทุน TRIF ลงทุนในโครงการศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ พลาซา งามวงศ์วาน ซึ่งมีการจัดหาประโยชน์ในรูปแบบของการให้เช่าและให้บริการ ทั้งประเภทห้องเช่าและแผงเช่า ประกอบด้วยโซนคอมพิวเตอร์หรือไอทีเซ็นเตอร์ โซนเครื่องใช้ไฟฟ้า โซนแฟชั่น โซนเครื่องเขียน โซนพระเครื่อง โซนตลาดนัด ร้านค้าย่อยทั่วไป ศูนย์อาหาร โดยปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่กว่า 90% และกองทุน DTCPF ลงทุนในโรงแรมของกลุ่มดุสิตธานีจำนวน 3 แห่ง แบ่งเป็นลงทุนแบบมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ และการลงทุนในสิทธิการเช่าในโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน เพื่อนำไปให้เช่าและเช่าช่วง
ขณะที่ บลจ.กสิกรไทย จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา (CTARAF) มีกำหนดการจ่ายปันผลครั้งที่ 19 จากผลการดำเนินงานของกองทุนสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2556 ในอัตราหน่วยละ 0.0430 บาท และกำหนดการลดทุนครั้งที่ 2 ในอัตราหน่วยละ 0.1020 บาทให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 2 กันยายน 2556 โดยกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 11 กันยายน 2556
โดยโรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทาราเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่บนหาดเฉวง มีเนื้อหาดกว้างถึง 300 เมตรซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งบนเกาะสมุย ได้ทำการเปิดดำเนินการมาแล้วกว่า 13 ปี ซึ่งกองทุนบริหารจัดการภายใต้การบริหารงานของบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจโรงแรมมานานกว่า 20 ปี
