บลจ.แอสเซทพลัสชี้หุ้นทั่วโลกปรับตัวลงรับเฟดอาจเตรียมถอน QE ในปีหน้า ส่งผลให้หุ้นไทยในช่วงนี้อาจผันผวนหลังต่างชาติดึงเงินกลับ แต่ยังมั่นใจเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง พร้อมมองกรอบหุ้นไทยที่ 1,567 จุด ส่วนกรอบล่างที่ 1,350 จุด ล่าสุดส่งกองทุน “แอสเซทพลัสไพร์ม 6” เน้นลงทุนในหุ้นไทย เป้าหมายทยอยจ่ายผลตอบแทน 2 ครั้ง รวม 8% จากราคาเริ่มต้นภายใน 6 เดือน เสนอขายวันที่ 21-27 มิถุนายนนี้
นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด กล่าวว่า จากการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง ตอบรับการส่งสัญญาณชัดเจนของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และอาจยกเลิกมาตรการดังกล่าวในปีหน้า หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ แสดงถึงการฟื้นตัว ทำให้เรามีมุมมองใหม่สำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดว่า SET Index จะมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนตามทิศทางกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่จะยังคงไหลออกจากภูมิภาครวมถึงประเทศไทยในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ SET Index มีโอกาสปรับฐานลงไปที่ระดับ 1,350 จุด
อย่างไรก็ตาม เรายังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทยจากการลงทุนของภาครัฐ และเอกชน รวมถึงการบริโภคภายในประเทศ โดยคาดการณ์ว่า SET Index จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ถึงระดับ 1,567 จุดในปีนี้ โดยมีปัจจัยผลักดันจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฯ ไตรมาส 2 ที่จะทยอยประกาศในช่วงกลางเดือน ก.ค. และการคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีโอกาสเติบโตได้ประมาณ 20% ในปีนี้
โดยปัจจุบัน SET Index ที่ระดับ 1,400 จุดมีระดับราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาค และยังเป็นระดับที่น่าลงทุน ช่วงนี้จึงเป็นจังหวะเหมาะในการทยอยลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีพื้นฐานดีที่ระดับราคาลดลงมามาก ดังนั้น ระหว่างวันที่ 21-27 มิถุนายนนี้บริษัทฯ จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดแอสเซทพลัสไพร์ม 6 (ASP-PRIME6) ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่สามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ 0-100% ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย และมีเป้าหมายทยอยสร้างผลตอบแทนจำนวน 2 ครั้ง รวม 8% จากมูลค่าหน่วยลงทุนเริ่มต้นที่ 10 บาท ภายในระยะเวลา 6 เดือน ด้วยการรับซื้อคืนอัตโนมัติบางส่วนเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนแตะผ่านระดับ 10.40 บาท และรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติทั้งหมดเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนแตะผ่านระดับ 10.80 บาท
ทั้งนี้ การตั้งเป้าหมายผลตอบแทน 8% ใน 6 เดือนสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับนี้มีโอกาสเป็นจริงได้ จากการใช้กลยุทธ์การคัดเลือกหุ้น การให้น้ำหนักลงทุนในหุ้น และการหาจังหวะเข้าซื้อและขายหุ้นเพื่อทยอยสร้างกำไร ด้วยการทยอยจ่ายคืนผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุน
โดยกองทุน ASP-PRIME6 จะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี และมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปิโตรเคมี นิคมอุตสาหกรรม และสื่อสาร นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวัสดุก่อสร้างเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับประโยชน์จากการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมทั้งต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวลดลง รวมทั้งกลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ที่จะได้รับประโยชน์จากการประมูลระบบโทรทัศน์ดิจิตอล