โตเกียวมารีนประกันชีวิต เดินหน้าเจาะตลาดคนไทยวัยเกษียณ หวังขึ้นเป็นผู้นำการขายกรมธรรม์บำนาญ หลังสังคมไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยมากขึ้น พร้อมโชว์ผลงานQ1 กวาดเบี้ยรับรวม 593 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีปั๊มเบี้ยได้ถึง 2.9 พันล้านบาท
นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารช่องทางการขาย และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด และ ประชาสัมพันธ์ บริษัท โตเกียวมารีน ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่่ผ่านมาบริษัทได้พยายามนำเสนอกรมธรรม์ประเภทบำนาญผ่านทางตัวแทนให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดอบรมเพิ่มความรู้เรื่องการวางแผนบำนาญให้ประชาชนควบคู่กันไป ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดส่งผลให้กรมธรรม์บำนาญของบริษัทมียอดขายถึง 70% ของยอดขายทั้งหมด
ทั้งนี้เป้าหมายหลักของบริษัทต่อจากนี้คือการเป็นผู้นำประกันชีวิตแบบบำนาญ เพราะถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากสังคมไทยกำลังเปลี่ยนแปลงเป็นสังคมผู้สูงอายุ โดยดูจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติจะพบว่า ในอนาคตปี2020 หรือ ปี 2563 สังคมไทยจะมีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ขึ้นไปประมาณ 18-20% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ขณะที่อัตราเด็กเกิดใหม่น้อยลง
"เราพยายามจัดอบรมเรื่องเกษียณอายุให้ ซึ่งกรุงเทพเฉลี่ยแล้วจะประมาณ 2 เดือน 3 ครั้ง ส่วนต่างจังหวัดจะเฉลี่ย 1 ครั้งต่อเดือน เพราะที่ผ่านมาสังคมไทยถูกแนะนำให้ไปลงทุนประกันแบบระยะสั้น ลงทุนในหุ้น ลงทุนในตราสารหนี้ จนละเลย ไม่ใส่ใจเรื่องการวางแผนระยะยาว เพราะหากลงทุนระยะสั้นแล้วอายุยืนจะเสี่ยงต่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณ"
ชี้ยูนิตลิงก์ยังไม่เหมาะ
นายสมโพชน์ กล่าวอีกว่า ผลิตภัณฑ์ บำนาญ ต่างจากผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงค์ หรือ ประกันชีวิตควบการลงทุน สิ่งที่เห็นเด่นชัด คือ ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นการการันตีผลตอบแทนที่ผู้เอาประกันได้รับแน่นอนตามสัญญาที่ระบุในกรมธรรม์ ในขณะที่ประกันแบบยูนิตลิงค์ เป็นแบบประกันที่มีความทันสมัย ลูกค้าต้องสามารถรับความเสี่ยงได้ เพราะเบี้ยประกันส่วนหนึ่งที่บริษัทประกันรับมานั้นจะถูกนำไปลงทุนตามวัตถุประสงค์ที่ลูกค้าระบุเอาไว้ ซึ่งคนไทยยังขาดความรู้ ความเข้าใจเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนในต่างจังหวัด
"ยูนิตลิงค์ เหมาะกับประเทศที่มีความเจริญ ประชาชนมีความเข้าใจเรื่องการลงทุน ตัวแทนต้องเสนอแบบตรงไปตรงมา แต่ของไทยมุ่งเน้นนำเสนอผลประโยชน์ด้านเดียว ไม่ได้เสนอความเสี่ยงให้เห็นเด่นชัด จึงมองว่ายูนิตลิงร์ ยังไม่เหมาะกับประเทศไทย หากประชาชนเข้าใจผิด โดยที่ไม่บอกด้านความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตได้ ซึ่งการลงทุนมีความเสี่ยง หากสนใจลงทุนจริง ก็ให้ไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ดีกว่า มีความชัดเจนกว่า"
Q1กวาดเบี้ยรวมเกือบ600ล.
นายสมโพชน์ กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 2,913 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 881 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 2,032 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาสแรกบริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 593 ล้านบาท เติบโต 19.34% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 157 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 436 ล้านบาท โดยสัดส่วนการขายเบี้ยประกันภัยรวม 48% มาจากช่องทางตัวแทน นับเบี้ยประกันภัยรับรวม 284 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 97 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 187 ล้านบาท ประกันกลุ่ม 34% และ 18% มาจากช่องทางอื่น
สำหรับในครึ่งปีหลัง บริษัทได้วางแผนรองรับการขยายงานทางธุรกิจ ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยทุ่มงบประมาณกว่า 30 ล้านบาท ทำการเช่าพื้นที่อาคาร LPN กว่า 3,500 ตารางเมตร เพื่อเป็นทั้งที่ทำงานของตัวแทน ผู้บริหารตัวแทนประกันชีวิต และเป็นศูนย์ฝึกอบรมแห่งแรกของบริษัท ที่จะเปิดให้บริการครบวงจรทั้งเป็นห้องประชุม ห้องสอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัย และเป็นศูนย์การเรียนรู้อย่างครบวงจร โดยคาดว่าจะเปิดใช้ได้ในดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าประเภทบำนาญในอีกหลากหลายรูปแบบที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้รณรงค์ให้ประชาชนใส่ใจในการวางแผนการเก็บออมเพื่อการใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมั่นคงมาเป็นเวลากว่า 3 ปี