ชี้คนไทยป่วยด้านวางแผนการเงิน แถมอายุยืนเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น โตเกียวมารีนประกันชีวิตสบช่องบุกแบบประกันเกษียณอายุ มั่นใจช่องทางตัวแทนแกร่งเพิ่มศักยภาพแข่งขันได้ ด้านกรุงเทพประกันชีวิตรุกเพิ่มที่ปรึกษาการเงิน ตั้งเป้า 3 ปีพัฒนาถึง 1 พันคน พร้อมเตรียมบุกช่องทางขายผ่านโทรศัพท์ ดีเดย์ไตรมาส 2 ปีนี้
นาสมโพชน์ เกียรติไกรวัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารช่องทางการขาย บริษัทโตเกียวมารีนประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันจากการสำรวจพบว่าคนไทยยังขาดการจัดสรรด้านการเงินและการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ ทางบริษัทจึงเน้นกลยุทธ์การออกสินค้าเพื่อรองรับการเกษียณอายุเป็นหลัก
ทั้งนี้ เชื่อว่าในอนาคตคนไทยจะหันมาสนใจวางแผนทางการเงินมากขึ้น หลังจากที่ปัจจุบันสังคมไทยมีทิศทางการเปลี่ยนแปลงไปตามสังคมโลก ทำให้จำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนเพื่อรองรับการเกษียณอายุอย่างเป็นระบบ
“ถ้ามองว่าปัจจุบันภาครัฐมีสวัสดิการให้แล้วเชื่อว่าคงยังไม่เพียงพอ คนไทยคงต้องดูแลตัวเองด้วย ดูอย่างกองทุนการออมแห่งชาติตอนนี้ยังไปไม่ถึงไหน เพราะคาดว่ารัฐคงจะหาเงินมาจ่ายสมทบให้ลำบาก ซึ่งแนวโน้มการมีอายุยืนของคนไทยก็นับเป็นความเสี่ยงที่ต้องหันมาดูแลตนเองด้วย”
นายสมโพชน์ กล่าวอีกว่า จากแนวโน้มดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาทำให้บริษัทเน้นการออกขายสินค้าประกันชีวิตประเภทเกษียณอายุเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนสูงถึง 70% จากสินค้าที่บริษัทออกขายทั้งหมด และประกันชีวิตแบบออมทรัพย์อีก 20% ส่วนอีก 10% จะเป็นประกันสุขภาพและอื่นๆ โดยจะเน้นการทำงานผ่านช่องทางตัวแทน และเชื่อว่าน่าจะสามารถแข่งขันกับบริษัทประกันชีวิตอี่นๆ ได้
ส่วนการขยายงานผ่านช่องทางการขายผ่านองค์กรหรือระบบการขายแบบเวิร์กไซด์ บริษัทมองว่าสำหรับประเทศไทยยังไม่สามารถเติบโตได้ดีเท่าในต่างประเทศ เนื่องจากรายได้ของคนงานในประเทศไทยยังไม่สูงมากนักทำให้ขาดความสนใจในการทำประกันชีวิต
ด้านนายเรืองศักดิ์ ปัญญาบดีกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายการตลาด บริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่คนไทยในปัจจุบันยังขาดการวางแผนทางการเงิน บริษัทจึงเดินหน้าที่จะพัฒนาบุคลากรที่ปรึกษาทางการเงินให้แก่ลูค้า
โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ปรึกษาทางการเงินที่มีความรู้และสามารถวางแผนทางการเงินให้แก่ลูกค้า ทั้งด้านการลงทุนผ่านกองทุนรวม การประกันชีวิต และการประกันภัย แล้ว 375 คน และบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มที่ปรึกษาทางการเงินในปีนี้ไปอยู่ที่ 500 คน และต่อจากนี้อีก 3 ปีถึง 1,000 คน
ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทมีเบี้ยรับปีแรกของช่องทางตัวแทนเพิ่มขึ้นถึง 40% โดยเป็นผลมาจากการพัฒนาบุคลากร โดยสำหรับที่ปรึกษาทางการเงินสามารถทำเบี้ยเฉลี่ยต่อรายได้ถึง 3 แสนบาท จากเดิมที่อยู่ประมาณ 1 แสนบาทต่อรายและทุนประกันสูงถึง 8 แสนบาท ซึ่งมากกว่าตัวแทนธรรมดาที่ยังไม่ผ่านการสอบ
“คนไทยยังป่วยเรื่องวางแผนทางการเงิน และเราก็พยายามยกระดับคนของเราให้สามารถแนะนำลูกค้าได้ ซึ่งจะเริ่มต้นจากหัวหน้าทีมตัวแทนก่อน ซึ่งจากการพัฒนาดังกล่าวยังส่งผลให้ผลงานของตัวแทนที่ผ่านมาเพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่าต่อคนอีกด้วย”
นอกจากกลยุทธ์การสร้างที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทแล้ว ในปีนี้บริษัทเตรียมเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่ ได้แก่ การขายประกันชีวิตผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นช่องทางที่บริษัทยังไม่เคยทำมาก่อน และคาดว่าน่าจะเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้