เชื่ออนาคตหุ้นไทยแจ่ม กรุงศรีโชว์กองทริกเกอร์เข้าเป้า

บลจ.กรุงศรี เชื่ออนาคตหุ้นไทยแจ่ม ปัจจัยบวกทั้งในประเทศและต่างประเทศช่วยหนุน ระบุมูลค่าซื้อขายต่อวันกว่า 5.8 หมื่นล้านสูงสุดในประวัติการณ์ ล่าสุดโชว์ปันผลกองทริกเกอร์รอบแรก 4% ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ หลังบริหารงานเข้าเป้าใช้เวลาแค่ 1 เดือน

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายผลตอบแทนส่วนเพิ่มครั้งที่ 1 ของกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 4% พลัส 4% ทริกเกอร์ 4 (KFEQ4P4-4)อัตราอัตรา 0.40 บาทต่อหน่วย โดยบริษัทจะนำเงินค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ในวันที่ 8 พ.ค. 56 และผู้ลงทุนสามารถดำเนินการขายคืนหรือสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจากกองทุน KFCASH ไปยังกองทุนอื่นได้ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 56 เป็นต้นไป”

“เราประสบความสำเร็จในการบริหารกองทุนนี้ โดยในวันที่ 30 เม.ย. 56 กองทุน KFEQ4P4-4 มีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.40 บาทต่อหน่วย หรือสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 4% ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น”

ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยแม้ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยอาจมีความผันผวนอยู่บ้าง นักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการลงทุนในระยะสั้นๆ เพื่อรอดูความชัดเจนในเรื่องของมาตราการควบคุมการแข็งค่าของค่าเงินบาท อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทยอีกหลายประการ ทั้งในส่วนของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ที่มีส่วนช่วยดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง

“ตั้งแต่ต้นปี 56 จนถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 58,600 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 55 ที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยที่ 31,100 ล้านบาท นอกจากนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยยังคงเติบโต การเติบโตกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังอยู่ในระดับต่ำ” นายฉัตรพีกล่าว

อนึ่ง กองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 4% พลัส 4% ทริกเกอร์ 4 (KFEQ4P4-4) อายุโครงการประมาณ 8 เดือน มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการดีในระยะกลางถึงยาว กองทุน KFEQ4P4-4 ตั้งเป้าจ่ายผลตอบแทนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นรวมกันประมาณ 8% และมีจุดเด่นที่ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเร็วขึ้นจากการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 4% หรือเท่ากับ 10.40 บาท และครั้งที่ 2 อีก 4% เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.93 บาท โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทั้งหมดของกองทุนโดยอัตโนมัติ