บมจ.ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย โชว์ผลงานไตรมาสแรกเบี้ยประกันภัยรับโตเพิ่ม 38% หรืออยู่ที่ 1,315 ล้านบาท ขณะที่เบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้สุทธิ 927ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% ตั้งเป้าปี 2557 เตรียมจ่ายปันผล เผยเดือนหน้าเตรียมออกประกันภัย อีวันโค่ เบี้ยประกันไม่น่าจะเกิน 10,000 บาท
นายจิรวุฒิ บุญศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกว่า บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ อยู่ที่ 1,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้สุทธิ 927 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย 883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากการรับประกันภัยจำนวน 93 ล้านบาท และเมื่อรวมรายได้จากการลงทุน 50 ล้านบาท บริษัทมีกำไรก่อนภาษีเงินได้ 143 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 27 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีกำไรในไตรมาส 1 ของปี 2556 จำนวน 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.52 ลดลงจาก 1.18 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปี 2555 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ ได้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนในไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสแรก บริษัทมีสัดส่วนผู้ถือหุ้น 2,325 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2555 บริษัท มีอยู่ 2,212 ล้านบาท โดยข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามที่คปภ. ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์แล้ว 481% ซึ่งสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดให้มีอัตราส่วนขั้นต่ำ 140% ในปีนี้สำหรับสัดส่วนของเบี้ยประกันภัยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทยังคงเน้นการขยายการรับประกันภัยสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยมีอัตราเติบโตของการรับประกันภัยอัคคีภัย ที่ 48% ประกันภัยรถยนต์ 47% และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลอยู่ที่ 18% ขณะที่อัตราส่วนความเสียหายไตรมาสแรกอัคคีภัยอยู่ที่ 27.6% ทะเลและขนส่ง 12.2% ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 49.6% ประกันภัยรถยนต์ 65.5% เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ 39.8%
"ในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นการรับประกันภัยลูกค้ารายย่อยเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้ารายย่อยไว้ที่ 83% ขณะที่ลูกค้ารายใหญ่อยู่ที่ 17% ซึ่งจะเน้นการรับประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันภัยบ้าน อยู่อาศัยและรถยนต์เป็นหลัก"
นายจิรวุฒิ กล่าวต่อไปอีกว่า สัดส่วนการลงทุนบริษัทเน้นในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ พันธบัตร45% หุ้น 1% หุ้นกู้ 13% และเงินสดเงินฝากธนาคารอยู่ที่ 28%ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 มีนาคม 2556 ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ 60.86% Gearway holdings Limited 13.92% วิริยะประกันภัย 2.24% กรุงไทยพาณิชย์ประกันภัย 1.68% Citibank Nominees 1.55% และอื่น 19.75%
"ในส่วนของของปัญหาที่พบในปีนี้มีอยู่ 2อย่างคือ อินฟาเรชั่น กับประกันภัยต่อ ซึ่งบางรายไม่ยอมจ่าย ส่วนด้านอินฟาเรชั่นมีบริษัทรถยนต์ทยอยปรับเรท เช่น สินมั่นคงประกันภัย และธนชาต ซึ่งในต้นเดือนหน้าบริษัทเองก็จะมีการปรับในส่วนของรถยนต์อีก 10 -15% ส่วนใหญ่จะเป็นรถเล็กเช่น ยาริส วิออส เป็นต้น ในส่วนของรถใหม่ป้ายแดงและอีโคคาขณะนี้บริษัทยังไม่มี"
นายจิรวุฒิ กล่าวต่อไปอีกว่า ในช่วงเดือนเดือนพฤษภาคม นี้ บริษัท จะออกประกันภัยตัวใหม่เป็น อีวันโค่ เบี้ยประกันไม่น่าจะเกิน 10,000 บาท ขณะเดียวกันช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมองคอนเซปโรคอสแอร์ไลน์ อย่างไรก็ตามเราไม่ได้มุ่งไปที่โรคอสแอร์ไลน์แต่เรายังมุ่งไปที่บองโรวิสด้วย ซึ่งเราต้องดูเงื่อนไขหลาย ๆ อย่างเพื่อที่จะได้ในราคาถูก
"บริษัทคาดว่าในปีหน้าจะสามารถจ่ายปันผลได้ เนื่องจากปีนี้มีผลกำไร และปี 2557 น่าจะจ่ายได้ เพราะช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทยังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้"
นายจิรวุฒิ บุญศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพาณิชย์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกว่า บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ อยู่ที่ 1,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีเบี้ยประกันภัยที่ถือเป็นรายได้สุทธิ 927 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัย 883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากการรับประกันภัยจำนวน 93 ล้านบาท และเมื่อรวมรายได้จากการลงทุน 50 ล้านบาท บริษัทมีกำไรก่อนภาษีเงินได้ 143 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 27 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีกำไรในไตรมาส 1 ของปี 2556 จำนวน 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.52 ลดลงจาก 1.18 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปี 2555 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทฯ ได้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนในไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสแรก บริษัทมีสัดส่วนผู้ถือหุ้น 2,325 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2555 บริษัท มีอยู่ 2,212 ล้านบาท โดยข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามที่คปภ. ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์แล้ว 481% ซึ่งสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดให้มีอัตราส่วนขั้นต่ำ 140% ในปีนี้สำหรับสัดส่วนของเบี้ยประกันภัยไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทยังคงเน้นการขยายการรับประกันภัยสำหรับลูกค้ารายย่อย โดยมีอัตราเติบโตของการรับประกันภัยอัคคีภัย ที่ 48% ประกันภัยรถยนต์ 47% และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลอยู่ที่ 18% ขณะที่อัตราส่วนความเสียหายไตรมาสแรกอัคคีภัยอยู่ที่ 27.6% ทะเลและขนส่ง 12.2% ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล 49.6% ประกันภัยรถยนต์ 65.5% เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ 39.8%
"ในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นการรับประกันภัยลูกค้ารายย่อยเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้ารายย่อยไว้ที่ 83% ขณะที่ลูกค้ารายใหญ่อยู่ที่ 17% ซึ่งจะเน้นการรับประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันภัยบ้าน อยู่อาศัยและรถยนต์เป็นหลัก"
นายจิรวุฒิ กล่าวต่อไปอีกว่า สัดส่วนการลงทุนบริษัทเน้นในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้แก่ พันธบัตร45% หุ้น 1% หุ้นกู้ 13% และเงินสดเงินฝากธนาคารอยู่ที่ 28%ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 29 มีนาคม 2556 ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ 60.86% Gearway holdings Limited 13.92% วิริยะประกันภัย 2.24% กรุงไทยพาณิชย์ประกันภัย 1.68% Citibank Nominees 1.55% และอื่น 19.75%
"ในส่วนของของปัญหาที่พบในปีนี้มีอยู่ 2อย่างคือ อินฟาเรชั่น กับประกันภัยต่อ ซึ่งบางรายไม่ยอมจ่าย ส่วนด้านอินฟาเรชั่นมีบริษัทรถยนต์ทยอยปรับเรท เช่น สินมั่นคงประกันภัย และธนชาต ซึ่งในต้นเดือนหน้าบริษัทเองก็จะมีการปรับในส่วนของรถยนต์อีก 10 -15% ส่วนใหญ่จะเป็นรถเล็กเช่น ยาริส วิออส เป็นต้น ในส่วนของรถใหม่ป้ายแดงและอีโคคาขณะนี้บริษัทยังไม่มี"
นายจิรวุฒิ กล่าวต่อไปอีกว่า ในช่วงเดือนเดือนพฤษภาคม นี้ บริษัท จะออกประกันภัยตัวใหม่เป็น อีวันโค่ เบี้ยประกันไม่น่าจะเกิน 10,000 บาท ขณะเดียวกันช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมองคอนเซปโรคอสแอร์ไลน์ อย่างไรก็ตามเราไม่ได้มุ่งไปที่โรคอสแอร์ไลน์แต่เรายังมุ่งไปที่บองโรวิสด้วย ซึ่งเราต้องดูเงื่อนไขหลาย ๆ อย่างเพื่อที่จะได้ในราคาถูก
"บริษัทคาดว่าในปีหน้าจะสามารถจ่ายปันผลได้ เนื่องจากปีนี้มีผลกำไร และปี 2557 น่าจะจ่ายได้ เพราะช่วง 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทยังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้"