2 บลจ. ตบเท้าเข็นกองทุนบอนด์ต่างประเทศรับดีมานด์พร้อมกัน 5 กองรวด หลังทองคำผันผวน บลจ. กสิกรไทย เน้นลงทุนตราสารหนี้รัสเซีย กาตาร์ และ แอฟริกาใต้ ด้าน บลจ.เอ็มเอฟซี ออกกองทุน "ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีรี่ส์ 5" รับดีมานด์
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะตลาดหุ้นและทองคำที่มีความผันผวนอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าจะเป็นความผันผวนในระยะสั้น ๆ แต่สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกับหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงดังกล่าว แนะนำให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน โดยสามารถเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการ ซึ่งมีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก และให้โอกาสรับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ อีกทั้งระยะเวลาการลงทุนยังมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี โดยบริษัทฯ ยังคงคัดสรรตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้รัสเซีย กาตาร์ และ แอฟริกาใต้ เข้ามาในพอร์ทของกองทุน เนื่องจากตราสารหนี้ดังกล่าวถือว่ามีอันดับความน่าเชื่อดีและให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่จะเสนอขาย 4 กองทุน ระหว่างวันที่ 17-22 เมษายน นี้ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน CK (KFI3MCK) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี , กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน BH (KFI6MBH) ซึ่งให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี BP (KFF1YBP) ซึ่งให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.20% โดยผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
นอกจากนี้สำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ ไทย 3 เดือน CD (KPPTF3MCD) ซึ่งเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.60 % ต่อปี
ด้านนางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีรี่ส์ 5 หรือ I-Fix6M5 ตั้งแต่วันที่ 18-26 เมษายนนี้ โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบเต็มจำนวน (Fully Hedge) ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่มอบให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ต่อปี
ทั้งนี้ตัวอย่างตราสารที่คาดว่ากองทุนจะลงทุนได้แก่ เงินฝากประจำ PT Bank CIMB NIAGA Tbk ลงทุนร้อยละ 15 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.54 ต่อปี เงินฝากประจำ Bank of China (MACAU Branch) ลงทุนร้อยละ 24 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.75 ต่อปี ตราสารหนี้ระยะสั้น Itau Unibanco S.A. ลงทุนร้อยละ 22 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.64 ต่อปี ตราสารหนี้ระยะสั้น Banco Santander (Brazil) ลงทุนร้อยละ 22 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.64 ต่อปี เป็นต้น
นอกจากนี้กองทุนได้ประมาณการผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนร้อยละ 3.15 ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่ายของกองทุนร้อยละ 0.15 และประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 3 ต่อปี หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจัดการอาจไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามอัตราดังกล่าว
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะตลาดหุ้นและทองคำที่มีความผันผวนอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าจะเป็นความผันผวนในระยะสั้น ๆ แต่สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนกับหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงดังกล่าว แนะนำให้รอดูสถานการณ์ไปก่อน โดยสามารถเลือกพักเงินกับกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการ ซึ่งมีความเสี่ยงไม่สูงมากนัก และให้โอกาสรับผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ อีกทั้งระยะเวลาการลงทุนยังมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี โดยบริษัทฯ ยังคงคัดสรรตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้รัสเซีย กาตาร์ และ แอฟริกาใต้ เข้ามาในพอร์ทของกองทุน เนื่องจากตราสารหนี้ดังกล่าวถือว่ามีอันดับความน่าเชื่อดีและให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยง
สำหรับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการที่จะเสนอขาย 4 กองทุน ระหว่างวันที่ 17-22 เมษายน นี้ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน CK (KFI3MCK) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.80% ต่อปี , กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน BH (KFI6MBH) ซึ่งให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.00% กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี BP (KFF1YBP) ซึ่งให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 3.20% โดยผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
นอกจากนี้สำหรับผู้ลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ ไทย 3 เดือน CD (KPPTF3MCD) ซึ่งเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยให้โอกาสรับผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.60 % ต่อปี
ด้านนางสาวประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีรี่ส์ 5 หรือ I-Fix6M5 ตั้งแต่วันที่ 18-26 เมษายนนี้ โดยเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ และมีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินแบบเต็มจำนวน (Fully Hedge) ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายที่มอบให้ผู้ถือหน่วยลงทุนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 ต่อปี
ทั้งนี้ตัวอย่างตราสารที่คาดว่ากองทุนจะลงทุนได้แก่ เงินฝากประจำ PT Bank CIMB NIAGA Tbk ลงทุนร้อยละ 15 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.54 ต่อปี เงินฝากประจำ Bank of China (MACAU Branch) ลงทุนร้อยละ 24 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.75 ต่อปี ตราสารหนี้ระยะสั้น Itau Unibanco S.A. ลงทุนร้อยละ 22 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.64 ต่อปี ตราสารหนี้ระยะสั้น Banco Santander (Brazil) ลงทุนร้อยละ 22 ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับร้อยละ 0.64 ต่อปี เป็นต้น
นอกจากนี้กองทุนได้ประมาณการผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนร้อยละ 3.15 ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่ายของกองทุนร้อยละ 0.15 และประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายร้อยละ 3 ต่อปี หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป บริษัทจัดการอาจไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนตามอัตราดังกล่าว
