xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นยูเอส-จีนแข็งแกร่ง ชี้ระยะยาวแนวโน้มเป็นบวก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ. กสิกรไทย ประเมินหุ้นยูเอสระยะยาวเป็นบวก ล่าสุดเข็น "หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100" ชี้หุ้นกลุ่มไอทีใน NASDAQ100 ยังแกร่ง รับอานิสงส์ด้านไอทีทั่วโลกสะพัดกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้าน บลจ.ทิสโก้ เผยหุ้นจีนสดใส หลังเศรษฐกิจจีนกลับมาเติบโตในระดับมากกว่า 8%

นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ สถานการณ์การปรับลดงบประมาณ น่าจะยังไม่ส่งผลกระทบให้เห็นชัดเจนนักในช่วงแรก เนื่องจากเป็นการทยอยปรับลดงบประมาณ แต่ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา คือ รัฐบาลสหรัฐฯจะสามารถผ่านแผนการปรับลดงบประมาณ หรือหาข้อสรุปเรื่องการต่ออายุกฎหมายการใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ทันภายในวันที่ 27 มีนาคมนี้ได้หรือไม่ ซึ่งในระหว่างนี้ก็น่าจะมีความผันผวนตามกระแสข่าวและกดดันตลาดให้มีการปรับฐานลงมา จึงอาจจะถือเป็นจังหวะดีสำหรับผู้ที่สามารถรับความผันผวนได้สูงที่จะเข้าไปสะสมการลงทุนในหุ้นของสหรัฐฯได้เพิ่มเติม เนื่องจากในแง่ของปัจจัยพื้นฐานทั้งเศรษฐกิจและ ตลาดหุ้นต่างก็ยังมีแนวโน้มที่เป็นบวกได้ในระยะยาว

ล่าสุดเสนอขายกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100(K-USXNDQ)ขนาดกองทุน 2,000 ล้านบาท ในวันที่ 21-27 มีนาคม 2556 โดยเป็นกองทุนแรกของไทยที่ลงทุนในดัชนี NASDAQ100 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนสูงในระยะยาวจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสร้างโอกาสซื้อขายทำกำไร จากการเติบโตของหุ้นในกลุ่มIT ที่มีสัดส่วนสูงสุดในดัชนี พร้อมนโยบายจ่ายเงินปันผลสูงสุดไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี

โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในกองทุนหลัก คือกองทุน Powershares QQQ Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ และมุ่งสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี NASDAQ 100 ด้วยกลยุทธ์เชิงรับ
ทั้งยังมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก ด้วยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

"หากมองในแง่ของอัตราส่วน P/E ของดัชนี NASDAQ แม้ว่าระดับราคาจะปรับขึ้นมาค่อนข้างมากอยู่ที่ระดับ 16.7 เท่าในปัจจุบัน แต่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ระดับ 19.06 เท่าอยู่ค่อนข้างมาก ในขณะที่อัตราการเติบโตของผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2557 ยังคงสามารถเติบโตได้กว่า 14% จึงยังมีโอกาสที่จะสามารถปรับตัวขึ้นได้อีก ซึ่งมองว่ายังเป็นจังหวะที่สามารถเลือกเข้าไปลงทุนเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีได้ โดยหากจะพิจารณาถึงผลตอบแทนจากดัชนี NASDAQ100 ตั้งแต่ม.ค.47 - ก.พ. 55 พบว่า แม้จะมีความผันผวนค่อนข้างสูง แต่ก็สามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อื่นๆ ทั้ง Dow Jones หรือ S&P500"

ด้านนายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นจีน ยังเป็นตลาดหุ้นหลักที่น่าสนใจลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจาก คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะกลับมาเติบโตในระดับมากกว่า 8% ในปีนี้ และการเปลี่ยนผู้นำ คาดว่าจะมีมาตรการใหม่ ๆ เพื่อทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตในระดับที่ดีและมั่นคง โดยหันมาเน้นการเติบโตจากภายในประเทศ ขณะที่พึ่งพาการส่งออกให้น้อยลง นอกจากนี้ราคาหุ้นจีนยังมี Upside ในระดับสูง เนื่องจาก Valuation ยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค ปัจจุบัน P/E ประมาณ 9 เท่า โดยดัชนี HSCEI เคยอยู่ในระดับมากกว่า 20,000 จุด ก่อนวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปัจจุบันอยู่แค่ประมาณ 11,000 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นหลายประเทศได้ปรับตัวสูงขึ้นจนทำลายสถิติสูงสุด ไปกันแล้ว

ทั้งนี้บริษัทเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 10 กองทาร์เก็ตฟันด์ลงทุนในหุ้นจีน โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน Hang Seng H-Share Index ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) หรือ H-Shares โดยมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน หรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 8% มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายตั้งแต่ 18 - 26 มี.ค. 56
กำลังโหลดความคิดเห็น