ข่าวเด่นกองทุนดังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวในแวดวงกองทุนนรวมหลากหลายข่าว รวมไปถึงข่าวในแวดวงประกันด้วยเช่นเดียวกัน ....
... เริ่มกันที่ บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดขายกองทุนหุ้นต่างประเทศ "กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลบอล อิควิตี้" (SCB GLOBAL EQUITY FUND หรือ SCBGEQ) หลังมองจังหวะที่ดีในการกระจายไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศในช่วงนี้ ในขณะที่มูลค่าพื้นฐาน Forward P/E ของตลาดหุ้นทั่วโลกยังน่าสนใจ ยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้นักลงทุนหันมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น
โดยที่กองทุนหลังคือ กองทุน "VERITAS GLOBAL FOCUS" มีรูปแบบการบริหารจัดการการลงทุนแบบเน้นวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นรายตัว (Value style) เพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ซึ่งหุ้นแบบ Value มักให้ผลตอบแทนที่ดีภายใต้วัฏจักรเศรษฐกิจที่พ้นจากสภาวะถดถอยเริ่มฟื้นตัว คล้ายกับสภาพตลาดในปัจจุบัน ....กองทุนเปิดขาย IPO ถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556 ด้วยเงินลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
/// บลจ.กสิกรไทย เตรียมจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพลังก๊าซธรรมชาติจำนวน 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 350 เมกะวัตต์ โดยร่วมมือกับ บ.อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ มูลค่าโครงการ 6,000-7,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติจัดตั้งโครงการ ซึ่งหากสำนักงาน ก.ล.ต.เห็นชอบ บลจ.กสิกรไทยมีแผนเสนอขายกองทุนดังกล่าวภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2556 นี้
สำหรับกลุ่มบริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายหลักของไทยที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าประเภทผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมาร่วม 20 ปี และการผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายให้ผู้ใช้ไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ
นอกจากนี้ บลจ.กสิกรไทยก็ได้เปิดบริการ “KAsset Mobile Site” เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนรวมซึ่งเทียบเท่าการเข้าถึงข้อมูลทางเว็บไซต์ของบริษัทครบถ้วนทุกเมนู โดยเปิดให้บริการบน “Smart Phone” เพิ่มช่องทางอัปเดตข้อมูลให้นักลงทุนสมัยใหม่เปิดให้ใช้พร้อมกันวันที่ 6 กุมภาพันธ์ บน 3 ระบบปฏิบัติการทั้ง IOS, Android และ Window เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้ลงทุนกองทุนรวมในปัจจุบันที่นิยมเข้าถึงข้อมูลการลงทุนผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่
/// ด้าน บลจ.ทิสโก้ ก็สามารถบริหารกองทุนได้เข้าเป้าอีก ล่าสุด "กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส กองที่ 3" และกองที่ 4 ซึ่งเป็นกองทุนล่าสุดที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย และปิดกองทุนได้ก่อนครบกำหนด ในระยะเวลา 6 เดือน และ 4 เดือน ตามลำดับ โดยมีระยะห่างกันเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุน
/// ขณะที่ บลจ.วรรณ มองการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากภาครัฐ แต่หากเงินเฟ้อยังปรับลดลงต่อเนื่อง มีโอกาสสูงที่ กนง.อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนที่ต่ำ
...จึงแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ว่า ดัชนีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นนี้ การเลือกหุ้นรายตัวอาจจะมีข้อจำกัดและมีความเสี่ยง การลงทุนในอีทีเอฟที่มีตัวแปรอ้างอิงเป็นดัชนีหลักทรัพย์เช่น TDEX หรือ TH100 น่าจะเป็นเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะสมช่วงนี้
มากันที่แวดวงข่าวประกันที่น่าสนใจในสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มกันที่ .... นายกสมาคมอุตสาหกรรมฯ ประกันชีวิต นายสาระ ล่ำซำ เปิดเผยว่า ปีนี้อุตสาหกรรมธุรกิจประกันชีวิตยังมีโอกาสเติบโตได้ถึง 15% ไม่ต่ำกว่า 3 เท่าของจีดีพี เพราะประชาชนมีเงินออมมากขึ้น จึงเริ่มมองหาประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันแบบออมทรัพย์มากขึ้น
และในฐานะกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ยังได้ตั้งเป้าเติบโต เป้าเบี้ยประกันรับรวมในปีนี้ไว้ที่ขั้นต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท หรือไม่ต่ำกว่า 20% เน้นช่องทางการขายทุกช่องทาง ทั้งตัวแทนการขาย แบงก์แอสชัวรันซ์ ระบบออนไลน์ และสมาร์ทโฟน และแผนขยายกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัดอีก 10 แห่ง เช่น สาขาอรัญประเทศ จ.สระแก้ว สาขาท่าศาลา จ.ลพบุรี สาขาปาย จ.แม่ฮ่องสอน และเพิ่มตัวแทนขายเป็น 30,000 รายทั่วประเทศในสิ้นปีนี้
/// บริษัทไทยพณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCBLIFE ตั้งเป้าเติบโตเบี้ยรับรวมปีนี้ที่ 50,000 ล้านบาท เติบโต 19% จากช่วงปี 2555 โดยจะเน้นการรักษาความเป็นผู้นำในช่องทางจำหน่ายผ่านธนาคาร โดยจะขับเคลื่อนผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1) ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางโดยพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และบริการที่ครบวงจร 2) บริหารการขายแบบหลากหลายช่องทางการจัดจำหน่าย และ 3) เพิ่มประสิทธิภาพระบบปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
พร้อมทั้งมองแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้เชื่อว่าน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ แต่ยังคงมีความผันผวนอยู่ โดยคาดว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะสามารถขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,600-1,800 จุดได้
/// ด้าน บริษัทโตเกียวมารีนประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ก็ตั้งเป้าเติบโตเบี้ยรับรวมในปีนี้ที่ 2,932 ล้านบาท เติบโตถึง 25% จากปี 2555 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยปีแรก 882 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับต่อปี 2,050 ล้านบาท โดยจะมาจากช่องทางตัวแทนประมาณ 750 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 1,018 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มตัวแทนเป็น 3,465 คน จากเดิม 2,326 คน และเพิ่มจำนวนสาขาเป็น 18 สาขาจากเดิม 15 สาขา ..... และเปิดเผยแผนยุทธศาสตร์ในปีนี้เน้น 4 ด้านด้วยกัน คือ 1. พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการของลูกค้า เน้นขยายกลุ่มลูกค้าบำนาญจากตลาดระดับบนลงมาสู่ระดับกลาง 2. เน้นการทำงานเป็นทีม 3. มุ่งเน้นอำนวยความสะดวกในการทำงานให้ง่ายมากกว่าเดิม และ 4. เน้นการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว....