xs
xsm
sm
md
lg

ทองคำในปี 2556

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
โดยทีมจัดการกองทุนบัวหลวง

การคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำ ทีมจัดการกองทุนบัวหลวงได้ประเมินแนวโน้มราคาทองในระยะสั้น 1 ปี สำหรับปี 2556 โดยมุ่งไปที่ 3 ปัจจัยที่มีโอกาสส่งผลต่อราคา แล้วประเมินว่าปัจจัยเหล่านั้นจะส่งผลต่อราคาทองคำได้มากขึ้นหรือน้อยลงอย่างไร และได้ผลสรุป ดังนี้

1. นโยบายอัดฉีดเศรษฐกิจของธนาคารกลาง

มาตรการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED (ทั้ง QE3/QE4) เม็ดเงินจากโครงการ LTRO ของ ECB และการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างจริงจังของรัฐบาลและธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ รวมทั้งการที่ธนาคารกลางต่างๆ ยังคงอัตราดอกเบี้ยต่ำมากอย่างต่อเนื่องย่อมเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ

แต่เรามองว่าราคาทองคำน่าจะรับรู้ประเด็นบวกเหล่านี้ไปมากแล้ว เพราะมีคนสนใจติดตามทองคำอยู่ตลอดเวลา โดยที่ผ่านมาจะเห็นว่าราคาไม่ตอบรับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าอดีต

ตัวเลขเศรษฐกิจโลกหลายภูมิภาคช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นทั้งสหรัฐฯ จีน ยุโรป และมีความคืบหน้าในด้านอื่น เช่น ธนาคารในยุโรป 278 แห่งตัดสินใจจะชำระคืนเงินกู้ฉุกเฉินระยะ 3 ปีก่อนกำหนด รวมกว่า 1 แสนยูโร ซึ่งเป็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาคการเงินในยุโรป

ดังนั้น ความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลังจากนี้น่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน ทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ไม่น่าจะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพิ่มไปกว่านี้

ในทางกลับกัน กลับมีโอกาสที่ FED จะหยุดใช้ QE เร็วกว่าที่กำหนดไว้เดิม (ปี 2015) แสดงว่ามีโอกาสจะเกิดผลต่อราคาทองคำในทางลบมากกว่าบวก และแม้จะมีเม็ดเงินจาก QE3/QE4 เข้ามาในระบบอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ก็ไม่น่าจะมีผลต่อราคาทองคำมากนัก เพราะเม็ดเงิน QE ไม่ได้มีผลโดยตรงต่อทองคำ แต่นโยบาย QE ทำให้นักลงทุนคาดว่าปริมาณเงินที่จะใส่เข้าไปในระบบเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น แต่ QE ในครั้งก่อนก็ไม่ทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น

ดังนั้น นโยบายอัดฉีดเศรษฐกิจจึงน่าจะส่งผลดีต่อราคาทองคำน้อยลงกว่าในอดีต

2. อัตราเงินเฟ้อ

หลายฝ่ายคาดว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะไม่ใช่ประเด็น เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ได้ฟื้นตัวแรง และนโยบายอัดฉีดเม็ดเงินจะไม่ส่งผลกระทบมากจนทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นรวดเร็วอย่างน่ากังวล ดังนั้น ภาพรวมอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จึงน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ

เรื่องนี้ยืนยันโดยธนาคารกลางทุกแห่งที่ใช้นโยบายอัดฉีดเม็ดเงิน ซึ่งต่างประกาศชัดเจนว่าต้องการควบคุมให้อัตราเงินเฟ้อไม่สูงเกินไป และถ้ามีทีท่าว่าเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้น ก็จะหยุดใช้มาตรการอัดฉีดเงินทันที

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันในปีนี้ก็ไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นได้มาก ซึ่งช่วยลดความกดดันด้านเงินเฟ้อจากต้นทุนน้ำมันที่อาจจะสูงขึ้นไปได้

เมื่อเรื่องเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ราคาทองคำก็ไม่น่าจะได้รับปัจจัยบวกจากประเด็นเงินเฟ้อ

3. ปัญหาขาดดุลการคลังและหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ กับยูโรโซน

นี่เป็นปัจจัยบวกเดียวที่เหลืออยู่สำหรับทองคำในปีนี้ เพราะปัญหาจะไม่คลี่คลายลงได้ในเร็ววัน และจะทำให้คนเชื่อถือเงินดอลลาร์ลดลงในระยะยาว โดยจะทำให้ผู้ถือสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ต้องการกระจายความเสี่ยงจากการถือสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ไปถือครองทองคำแทนมากขึ้น

ประเด็นปัญหาขาดดุลการคลังก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ จึงอาจจะไม่ส่งผลให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นสูงในระยะสั้นๆ แต่อาจช่วยให้มีแรงซื้อเพิ่มขึ้นถ้าราคาลดลงไปมาก

เมื่อพิจารณาโดยภาพรวมของปัจจัยต่างๆ ในปีนี้ จึงสรุปว่า

แม้จะยังไม่มีปัจจัยลบโดยตรง แต่ปัจจัยที่เคยส่งผลบวกต่อราคาทองคำกำลังมีน้ำหนักน้อยลง

และน่าจะยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามา

ดังนั้น ในช่วงปีนี้จึงควรลงทุนในทองคำเพราะต้องการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลายอย่างเพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมของ Portfolio เป็นหลัก ไม่ใช่ลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนสูงๆ เร็วๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้น

ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวหลายๆ ปีในทองคำก็ควรค่อยๆ สะสมทีละน้อย โดยใช้กองทุนรวมทองคำเป็นเครื่องมือการทยอยลงทุนสะสมได้


กำลังโหลดความคิดเห็น