xs
xsm
sm
md
lg

กสิกรไทยตั้งเป้า AUM โตล้านล้าน เชื่อหุ้นไทยแตะ 1,600 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กสิกรไทยยิ้มแก้มปริ เอยูเอ็มสิ้นปี 55 แตะ 850,000 ล้านบาท คว้าแชมป์อันดับ 1 มาครอง ปีนี้ตั้งเป้าโตเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท เตรียมออกกองอสังหาฯ เพิ่ม 3 กองทุน ชี้หุ้นไทยสิ้นปีแตะ 1,600 จุดรับอานิสงส์เมกะโปรเจกต์

นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาเอยูเอ็มอยู่ที่ 850,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ายังคงเป็นอันดับหนึ่งอยู่ และในปีนี้ (2556) จะโตอย่างต่อเนื่องโดยตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าในปีนี้ต้องมีการทำงานกันหนักพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามฐานลูกค้าของเรายังมีอยู่มาก คาดว่าสิ้นปีจะสามารถทำยอดได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

“การเติบโตของบริษัทในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาถือว่ามีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้ในช่วงสิ้นปีสามารถบริหารจัดกรสินทรัพย์เป็นไปตามเป้าหมาย ขณะเดียวกัน ฐานลูกค้าที่มีกว่า 800,000 รายในปัจจุบันจะทำให้ในปีนี้สามารถทำเป้าถึง 1 ล้านล้านบาท” นายจงรักกล่าว

ทั้งนี้ การเติบโตของลูกค้าและเอยูเอ็มที่ผ่านมาได้มีการบริหารจัดการด้วยกัน 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็นการบริหารกลุ่มรักษาเงินต้น และบริหารสภาพคล่องในกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งฐานของลูกค้ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่ และที่สำคัญที่สุดเป็นลูกค้าที่มาจากฐานเงินฝากของธนาคารกสิกรไทย ทำให้บริษัทสามารถครองแชมป์ไว้ได้ รวมถึงเม็ดเงินที่นำมาลงทุนมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ตราสารหนี้ต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยง โดยได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มมูลค่า ขณะเดียวกัน บริษัทมี PIMCO เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั่วโลกที่ได้ช่วยคัดตราสารคุณภาพดีให้เรา

ขณะที่กลุ่มที่ 2 เป็นนักลงทุนเพื่อการเติบโตของสินทรัพย์และมุ่งกระจายความเสี่ยงในต่างประเทศ เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตเร็วสุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้นำเสนอกองทุนในลักษณะของ Passive Fund โดยเน้นการจัดการภายใต้ต้นทุนต่ำ นอกจากนี้แล้ว กองทุน K-GOLD และ K-OIL รวมกันยังมีการเติบโตของฐานลูกค้ากว่า 9 เท่าและสินทรัพย์โตเพิ่มขึ้นอีก 14 เท่าในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และกลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มออมเพื่อการเกษียณ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ดูแลลูกค้ากลุ่มนี้เกือบ 500,000 ราย สมาชิกของ กสล. และนักลงทุนในกองทุน RMF โดยปัจจุบันมีสินทรัพย์กว่า 63,000 ล้านบาท

นายจงรัก กล่าวต่อไปว่า สำหรับมุมมองการลงทุนในปี 2556 ภาพรวมของสหรัฐฯ, ยุโรป และจีนมองว่ามีการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมองว่า ยุโรปยังมีปัญหาอยู่เพราะเนื่องจากนโยบายรัดเข็มขัดยังคงทำให้เศรษฐกิจมีการเติบโตน้อย แต่เริ่มเห็นพัฒนาการนโยบายการรวมศูนย์ในกลุ่มยูโรโซน โดยเริ่มจากสถาบันทางการเงิน ส่วนสหรัฐฯ อัตราการว่างงานเริ่มดีขึ้นหลังจากมีการเลือกประธานาธิบดี แต่การเติบโตเป็นไปแบบช้าๆ ขณะที่จีน มองการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 7-8%

ส่วนมุมมองการลงทุนในหุ้นไทยยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยคาดว่าการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนจะโตประมาณ 20% ส่วนดัชนีสิ้นปีน่าจะแตะที่ 1,550-1,600 จุด ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีหลายเซกเตอร์ในเรื่องของเงินเฟ้อ ความเห็นของ กนง.ยังคงต้องดูในภาคของเศรษฐกิจ ซึ่งเรามองว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปจนถึงสิ้นปี ตราสารหนี้ที่เราดูยังคงเป็นระยะสั้นๆ

“ในปีนี้กองทุนใหม่ๆ บริษัทเตรียมที่จะออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก 1-3 กองทุน ซึ่งขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับทาง ก.ล.ต.ไว้บ้างแล้ว ส่วนกองทุนหุ้นที่อยากทำแบบประเภทแอ็กทีฟ และนอกจากนี้ก็จะมีกองทุนตราสารหนี้ที่ออกทุกๆ เดือนอยู่แล้ว” นายจงรักกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น