xs
xsm
sm
md
lg

ทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 2556

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย คุณยืนยง เทพจำนงค์
ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายลงทุน งานลงทุนในตราสารทุน
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
www.ktam.co.th

ปี 2555 เป็นอีกปีหนึ่งที่ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นสวนทางกับภาวะทางเศรษฐกิจโลกที่ประสบกับภาวะของการชะลอตัว หากเรามองย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นของปี 2555 เราคงไม่คาดคิดว่า ตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่โดดเด่นที่สุดในโลกและสามารถทำจุดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 คำถามที่เกิดขึ้นคือ เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในช่วงปีที่ผ่านมา? และแนวโน้มในปี 2556 จะเป็นอย่างไร?

ผมคิดว่า มีปัจจัยสำคัญอยู่ห้าปัจจัยด้วยกันที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ปัจจัยแรกคือ การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ปัจจัยที่สองคือ พื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่แข็งแกร่ง เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น เป็นตัวสนับสนุนเม็ดเงินลงทุนให้ไหลเข้าสู่ภูมิภาค ปัจจัยที่สาม คือการใช้นโยบายของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เช่น นโยบายบ้านหลังแรก รถคันแรก การปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคล การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในปีที่ผ่านมา ปัจจัยที่สี่คือ การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของภาคธุรกิจภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 และปัจจัยสุดท้าย คือสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ค่อนข้างนิ่ง ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งมีส่วนเอื้อต่อภาวะการลงทุน ทำให้ส่วนลด (Discount) ของตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเริ่มมีช่องว่างที่แคบลงจากความเสี่ยงทางการเมืองที่ลดลง และสามารถสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในหุ้นปี 2556 ผมลองสำรวจตรวจสอบดูความเห็นของบรรดาโบรกเกอร์ พบว่า เป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปี 2556 ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ช่วงประมาณ 1480-1500 จุด ซึ่งหากเทียบกับระดับ SET Index ในระดับปัจจุบัน ถือว่ามีโอกาสในการปรับตัวขึ้น(Upside) ที่ไม่มากนัก ดังนั้น การเลือกหุ้นเพื่อลงทุน (Stock Selection) ในช่วงถัดจากนี้ไป จะเป็นงานที่ยากและท้าทายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเลือกหุ้นภายหลังจากที่หุ้นมีการปรับตัวขึ้นมามากพอสมควร การที่จะหาหุ้นที่ถูกมองข้ามและราคายังไม่ค่อยมีการปรับตัวขึ้น หาได้น้อยเต็มทีครับ ดังนั้น ผมจึงคิดว่า เราควรกำหนดกลยุทธ์ในการลงทุนโดยมีการกำหนดกรอบการคัดสรรหุ้นให้สอดคล้องกับแนวโน้มและทิศทางการลงทุน (Theme) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระยะ 1-3 ปีข้างหน้า เช่น การเข้าสู่ช่วงจากวัฎจักรการลงทุนรอบใหม่ (Investment cycle) ของเศรษฐกิจไทย การเดินหน้าผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ในขณะเดียวกันต้องเลือกหุ้นให้สอดรับกับแนวโน้มใหญ่ (Trend) ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น การขยายตัวของตลาดจากการเปิดเขตการค้าเสรี การเคลื่อนย้ายทุน ทรัพยากร และแรงงานที่เปิดกว้างขึ้น บทบาทของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนกับเศรษฐกิจโลกที่ทวีความสำคัญ และกำลังเป็นจุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลก การเข้าสู่สังคมเมืองของประชากรโลก (Urbanization) นโยบายรัฐบาลในหลายประเทศ ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนของการบริโภคภายในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก โครงสร้างประชากรไทยที่เข้าสู่สังคมของคนสูงวัย และอิทธิพลของเทคโนโลยีการสื่อสาร โซเชียลเน็ตเวิร์ค เป็นต้น ดังนั้น หากเราลองจับเอา Theme และ Trend ดังกล่าว เพื่อนำมากำหนดกลยุทธ์ในการเลือกหุ้นสำหรับลงทุนปี 2556 ผมคิดว่าหุ้นที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง (ธุรกิจโรงแรม ค้าปลีก และสายาการบินราคาประหยัด ) กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มบรรจุภัณฑ์ กลุ่มอาหาร และกลุ่มธุรกิจประกัน ครับ

ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานที่ว่า สหรัฐมีข้อสรุปที่คลี่คลายจากปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal cliff) ภายในช่วงไตรมาสแรกของปี เศรษฐกิจโลกได้ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2555 ไปแล้ว และน่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไปตลอดทั้งปีครับ ท้ายที่สุดนี้ ผมขออนุญาตใช้โอกาสนี้ในการกล่าว “สวัสดีปีใหม่ ครับ”
กำลังโหลดความคิดเห็น