ฟิลลิปตั้งเป้าเพิ่มบัญชีผู้ถือหน่วยในปีหน้า เน้นสร้างผลการดำเนินงานกองทุนเป็นหลัก เผยเตรียมเปิดให้บริการข้อมูลนักลงทุน หวังสร้างรายได้กับบริษัทมีกำไรและล้างขาดทุนสะสม
นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟิลลิป จำกัด เปิดเผยว่า สินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ของบริษัทปัจจุบัน (14 ธ.ค.) ลดลงเหลือ 631.23 ล้านบาท จากสิ้นปี2554 ซึ่งอยู่ที่ 780.38 ล้านบาท หรือลดลง 19.11% ซึ่งเป็นผลมาจากนักลงทุนมีการไถ่ถอนหน่วยลงทุนในกองทุนตราสารตลาดเงินของบริษัทออกไปในช่วงต้นปีแต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัทในแง่ของผลประกอบการของบริษัทมากนัก อย่างไรก็ตาม ในแง่ของจำนวนผู้ถือหน่วยของบริษัทยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นเป็น 1,600 บัญชี จากสิ้นปี 54 ที่มีประมาณ 1,200 บัญชีเท่านั้น และในปีหน้าบริษัทเองคงตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนบัญชีผู้ถือหน่วยให้ขึ้นมาแตะ 2,000 บัญชี หรือเพิ่มขึ้นอีก 25% แต่คงไม่ได้เน้นในเรื่องของ AUM เท่าไรนัก ในปีหน้าหากอุตสาหกรรมไม่แข่งในเรื่องของแถมและโปรโมชันแล้วบริษัทก็คงจะแข่งขันได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง เพราะในแง่ของผลการดำเนินงานของกองทุนบริษัทก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมหลายกองทุนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการที่บริษัทเป็น บลจ.เล็ก แม้จะไม่มีการแข่งในเรื่องของโปรโมชันและของแถมแล้วก็ตาม ก็คงไม่ง่ายนักที่จะไปแข่งกับ บลจ.ลูกแบงก์ต่างๆ แม้จะมั่นใจว่าในแง่ของผลการดำเนินกองทุนสู้ได้ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังยึดติดกับแบรนด์ของแบงก์แม่ นักลงทุนส่วนใหญ่มาซื้อเพราะเป็น บลจ.ลูกแบงก์ ไม่ได้มองลึกถึงผลการดำเนินงานจริงๆ แต่ก็หวังว่าในระยะยาวนักลงทุนจะให้ความสำคัญต่อเรื่องของผลงานมากขึ้นเช่นกัน
นายวรรธนะ ยังกล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าว่าในอีก 5 ปีธุรกิจน่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ จากปัจจุบันที่มีขาดทุนสะสมอยู่ประมาณ 40 ล้านบาท หรือเฉลี่ยขาดทุนปีละ 7 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาแนวโน้มการขาดทุนก็ลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทกำลังศึกษาถึงการให้บริการข้อมูลแก่นักลงทุนที่สนใจเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการลงทุนต่อ ซึ่งหากสามารถทำได้เป็นรูปธรรมจริงในปีหน้ารายได้จากธุรกิจให้บริการข้อมูลตรงนี้น่าจะช่วยให้บริษัทพลิกกลับมามีกำไรและสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ในปีหน้าเลยเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ก็กำลังดูในส่วนนี้อยู่ด้วย ในส่วนของกองทุนใหม่นั้นบริษัทยังไม่มีแผนที่จะออกมาเพิ่มเติมเพราะมองว่ากองทุนของบริษัทในปัจจุบันก็มีความครบถ้วนแล้วในระดับหนึ่ง น่าจะเป็นการนำกองทุนที่มีอยู่เดิมมาทำการตลาดใหม่อีกครั้งมากกว่าในปีหน้า
“อย่างไรก็ตาม ถ้ามีจังหวะที่ดีบริษัทอาจจะมีการนำเสนอกองทุนใหม่ออกมาอีกครั้ง ซึ่งที่มองไว้อาจจะเป็นกองทุนตราสารหนี้โลก เพื่อมาเติมเต็มโปรดักต์กองทุนของบริษัทให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้นด้วย” นายวรรธนะกล่าว