ตลาดหุ้นไทยไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆ บลจ.วรรณ มองดัชนีปี 2556 แตะ1,486 จุด หลังกำไรบจ.เพิ่มขึ้น 20% สภาพคล่องล้นระบบ พร้อมแนะเก็บ LTF-RMF เข้าพอร์ต ด้าน บลจ.ไทยพาณิชย์ปลื้ม 2 กองทริกเกอร์เข้าเป้า 7% และ 10% เตรียมจ่ายเงินคืนนักลงทุนในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 และ วันที่ 26 ธันวาคม 2555นี้
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปลายปีนี้จนถึงปีหน้าว่ายังคงมีมุมมองบวกสำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,486 จุด และมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นถึง 20% แม้ในปัจจุบัน ตลาดยังคงกังวลเรื่อง Fiscal Cliff อยู่บ้าง อย่างไรก็ตามยังมีปริมาณเงินไหลเข้าประเทศในแถบเอเชียอย่างต่อเนื่อง หลังจากเฟดประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 4 (QE4) โดยจะเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ใหม่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อทดแทนการซื้อพันธบัตรในโครงการ Operation twist ในวงเงินเดียวกันที่จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนลง และส่งผลดีต่อค่าเงินในเอเชีย รวมถึงสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นในเดือนสุดท้ายของการลงทุนใน LTF-RMF เพื่อรับสิทธิลดหย่อนทางภาษี
“จากมาตราการการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ทำให้มีสภาพคล่องในระบบค่อนข้างมาก ซึ่งจะดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง บลจ.วรรณยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในปี 2556 โดยประเมินว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์น่าจะไปได้ประมาณ 1,486 จุด โดยกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสเติบโตได้ประมาณ 20%”
สำหรับผู้ต้องการลงทุนในกองทุน LTF แนะนำกองทุนเปิด วรรณ เอเอ็ม ซีเล็คทีฟโกรท หุ้นระยะ (1SG-LTF) เน้นลงทุนเฉพาะหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานดี อัตราการเติบโตสูง เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากมูลค่าเพิ่มจากการลงทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการการลงทุนที่มากกว่าการลงทุนในดัชนี (Index Enhancing Portfolio) มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนที่ต้องการออมเงินหลังเกษียณและกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่นนอกเหนือจากการลงทุนในหุ้น สินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจจากแนวโน้มการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ที่มีต่อเนื่อง โดยส่วนบริษัทฯ ยังคงแนะนำการลงทุนในกองทุนเปิด วรรณ พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ (ONEPROP-RMF) ที่มีนโยบายลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเหมาะสมกับลักษณะการลงทุนในระยะยาว
ทางด้านนางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการบริหารพอร์ตกองทุนหุ้นพร้อมกัน จำนวน 2 กอง ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 7% ฟันด์ 3 (SCBTG7-3) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ทริกเกอร์ 10% ฟันด์ 3 (SCBTG10-3) ซึ่งสามารถบริหารจัดการลงทุนและได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ โดยกองทุนจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนสำหรับกองทริกเกอร์ 7% ฟันด์ ในอัตราไม่ต่ำกว่า 10.81449 บาท/หน่วย และกองกองทริกเกอร์ 10% ฟันด์ 3 ในอัตราไม่ต่ำกว่า 11.1177 บาท/หน่วย
สำหรับการชำระเงินคืนค่าหน่วยลงทุนของทั้งสองกองทุนจะมีการดำเนินการ 2 ครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาทั้งสองกองทุนมีการลงทุนในหุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) รวมถึงลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุน PTTEP จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 3-6 ธันวาคม 2555 โดยหุ้นเพิ่มทุน PTTEP มีกำหนดเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 19 ธันวาคม 2555 จึงเป็นเหตุให้ผู้จัดการกองทุนยังไม่สามารถจำหน่ายหุ้น PTTEP ได้ในทันที ทั้งนี้กองทุนจะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครั้งที่ 2 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนหลังจากที่มีการขายหุ้น PTTEP แล้ว โดยผู้ถือหน่วยจะได้รับเงินค่าหน่วยลงทุนคืนในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 และ วันที่ 26 ธันวาคม 2555