บลจ.กสิกรไทยคาดระยะสั้นราคาทองคำอาจจะผันผวน แต่ระยะยาวยังสดใส เผยนักวิเคราะห์มองทองคำอาจทำ New High แตะ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายใน 2 ปี ล่าสุดเตรียมจ่ายปันผล K-GOLD หน่วยละ 0.20 บาทรับมาตรการ QE3
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับขึ้นไปได้อีกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงปริมาณครั้งที่ 3 (QE3) ของสหรัฐฯ ซึ่งจะดำเนินการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยค้ำประกัน (MBS) เดือนละ 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ไปจนกว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับที่ดีขึ้น โดยทาง บลจ.กสิกรไทยคาดว่าเป้าหมายราคาทองคำใน 1 ปีข้างหน้าจะอยู่ระหว่าง 1,850-1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ในระยะสั้นราคาอาจผันผวนจากการเทขายทำกำไร หลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 1,773.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยมองว่าทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยได้รับปัจจัยบวกจากการดำเนินมาตรการ QE 3 ของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ที่ผ่านมามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทั้ง 3 ครั้งล้วนกดดันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลง และช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เห็นได้จากแนวโน้มราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นจากระดับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการดำเนินมาตรการ QE1 และขยับจากระดับ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างดำเนินมาตรการ QE2 ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าอาจได้เห็นทองคำปรับตัวขึ้นทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในไตรมาส 2 ของปีหน้า
ขณะที่ปี 2557 ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สำหรับปัจจัยบวกต่อราคาทองคำมาจากการถือครองทองคำสำรองเมื่อเทียบกับเงินสำรองของแต่ละประเทศนั้นอาจต้องจับตาดูการถือครองทองคำของประเทศจีน ซึ่งที่ผ่านมาจีนมีการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นมากที่สุดคิดเป็น 454 ตันนับตั้งแต่ปี 2552 แต่ปัจจุบันปริมาณทองคำสำรองเทียบกับเงินสำรองของจีนอยู่ที่ 1.80% เท่านั้น ขณะที่สหรัฐฯ มีถึง 77% ซึ่งหากจีนเริ่มเข้ามาถือทองคำมากขึ้นก็อาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำในอนาคต
นายนาวิน กล่าวต่อว่า จากแนวโน้มราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้น บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2555-30 กันยายน 2555 โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 1 ตุลาคม 2555 โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย นับเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 11 ของกองทุนดังกล่าวนับแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2551 โดยที่ผ่านมากองทุน K-GOLD มีการจ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 3.05 บาทต่อหน่วย สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา นายนาวินกล่าวว่ากองทุน K-GOLD ยังคงให้ผลตอบแทนชนะเกณฑ์มาตรฐานกองทุน โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 9.45% 6 เดือนที่ 6.72% และ 1 ปีที่ -1.95% ขณะที่ผลตอบแทนจาก London AM Fixing Index หลังหักต้นทุนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้วอยู่ที่ 9.24% 6.72% และ -2.54% ตามลำดับ