คอลัมน์บัวหลวง Money Tips
สำหรับเรื่องการลงทุนระยะยาวนั้น หมายถึงต้องลงทุนได้ในกรอบ 5 ปีขึ้นไป และต้องไม่หวั่นไหวกับความผันผวนของราคาในช่วงสั้นที่ถูกกระทบจากเศรษฐกิจ การเมือง หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงชั่วคราวไม่แน่ไม่นอน ไม่ว่อกแว่กหวั่นไหวในระหว่างทาง และเงินที่จะเอาไปลงทุนนั้นก็ต้องเป็นส่วนที่แม้จะเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะไม่ดึงมาใช้ เพราะมีส่วนอื่นเตรียมไว้แล้ว
โดยจะต้องประเมินก่อนว่าตัวเราเหมาะกับการลงทุนระยะยาวหรือไม่ ลงยาวเกิน 5 ปีได้ไหม อดทนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคตไหวหรือไม่ เพราะเป้าหมายของการลงทุนระยะยาวไมใช่การหวังกำไรในวันนี้พรุ่งนี้ แต่เป็นเป้าหมายของกำไรเป็นกอบเป็นกำในอนาคตอันยาวไกล
ส่วนที่ถามว่าแล้วจะให้ลงทุนในหุ้น Health Care Sectors ยาวไปกี่ปีนั้น ต้องขอยืมคำพูดของ Warren Buffet มาอธิบายหน่อย
"When we own portions of outstanding businesses with outstanding managements, our favorite holding period is forever." หมายความว่า ถ้าคุณลุงบัฟเฟ็ตได้หุ้นของกิจการดีๆ ที่มีผู้บริหารที่มีความสามารถและเป็นผู้บริหารที่ดี คุณลุงบัฟเฟ็ตจะถือหุ้นบริษัทนี้ไปจนชั่วนิจนิรันดร์
กว่าจะหาคู่ที่ดีและเหมาะสมกับเราได้สักคน มันไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น เมื่อจะแต่งงานกัน ก็ไม่ควรถามว่า แต่งแล้วจะหย่าได้เมื่อไหร่ ไม่ใช่หรือ
นอกจากนี้ ประโยคที่ว่า “เราสามารถสร้างความมั่งคั่งได้จากการลงทุนระยะยาว” ก็ยังคงสามารถพิสูจน์ได้ในปัจจุบัน เพราะความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดขึ้นได้จากผลของเงินหรือผลตอบแทนที่ทบต้น (Power of Compounding) ทั้งจากเงินปันผลและจากกำไรในการขายหุ้น (Capital Gain) โดยดูได้จากผลตอบแทนจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ไทยเมื่อปี 2518 จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2555 ซึ่งมีผลตอบแทนของการลงทุนรวมปันผล เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 12.5% ต่อปี (SET Total Return)
อนึ่ง VI (Value investor) หรือสาวกของ Warren Buffet หรือ Philip Fisher หลายคน รวมทั้งกองทุนรวมของเรา ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การลงทุนระยะยาวสร้างความมั่งคั่งได้ดีแม้จะผ่านวิกฤตหลายๆ ครั้ง เช่น ช่วงลอยตัวค่าเงินบาท วิกฤตการเงินของ Lehman หรือวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป เป็นต้น
สำหรับความเสี่ยงของธุรกิจ Health Care ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ความเสี่ยงเหล่านั้นได้แก่ความเสี่ยงในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และใช้เวลายาวนานกว่าจะได้ผลผลิตที่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายที่เกี่ยวกับการประกันสุขภาพ รวมไปถึงกฎเกี่ยวกับสิทธิบัตรยา
เมื่อส่วนหนึ่งของการเติบโตของอุตสาหกรรม Health Care จำเป็นต้องอาศัยตัวแปรต่างๆ โดย เฉพาะนโยบายจากภาครัฐ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่การเปลี่ยนแปลงในด้านนโยบายภาครัฐอาจทำให้เกิดความผันผวนต่อการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรม และอาจจะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ในระยะสั้น
อีกความเสี่ยงก็คือ การแข่งขันในธุรกิจที่จะทวีขึ้นแต่นั่นก็เป็นเพราะ Health Care เป็น Sector ที่มีอนาคตดีนั่นเอง
ปัจจุบันกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2555 เท่ากับ 126.80 ล้านบาท หรือ 12.0365 บาทต่อหน่วยลงทุน มีผลตอบแทนในรอบ 1 ปีเท่ากับ 20.57%
สำหรับเรื่องการลงทุนระยะยาวนั้น หมายถึงต้องลงทุนได้ในกรอบ 5 ปีขึ้นไป และต้องไม่หวั่นไหวกับความผันผวนของราคาในช่วงสั้นที่ถูกกระทบจากเศรษฐกิจ การเมือง หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงชั่วคราวไม่แน่ไม่นอน ไม่ว่อกแว่กหวั่นไหวในระหว่างทาง และเงินที่จะเอาไปลงทุนนั้นก็ต้องเป็นส่วนที่แม้จะเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะไม่ดึงมาใช้ เพราะมีส่วนอื่นเตรียมไว้แล้ว
โดยจะต้องประเมินก่อนว่าตัวเราเหมาะกับการลงทุนระยะยาวหรือไม่ ลงยาวเกิน 5 ปีได้ไหม อดทนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคตไหวหรือไม่ เพราะเป้าหมายของการลงทุนระยะยาวไมใช่การหวังกำไรในวันนี้พรุ่งนี้ แต่เป็นเป้าหมายของกำไรเป็นกอบเป็นกำในอนาคตอันยาวไกล
ส่วนที่ถามว่าแล้วจะให้ลงทุนในหุ้น Health Care Sectors ยาวไปกี่ปีนั้น ต้องขอยืมคำพูดของ Warren Buffet มาอธิบายหน่อย
"When we own portions of outstanding businesses with outstanding managements, our favorite holding period is forever." หมายความว่า ถ้าคุณลุงบัฟเฟ็ตได้หุ้นของกิจการดีๆ ที่มีผู้บริหารที่มีความสามารถและเป็นผู้บริหารที่ดี คุณลุงบัฟเฟ็ตจะถือหุ้นบริษัทนี้ไปจนชั่วนิจนิรันดร์
กว่าจะหาคู่ที่ดีและเหมาะสมกับเราได้สักคน มันไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น เมื่อจะแต่งงานกัน ก็ไม่ควรถามว่า แต่งแล้วจะหย่าได้เมื่อไหร่ ไม่ใช่หรือ
นอกจากนี้ ประโยคที่ว่า “เราสามารถสร้างความมั่งคั่งได้จากการลงทุนระยะยาว” ก็ยังคงสามารถพิสูจน์ได้ในปัจจุบัน เพราะความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดขึ้นได้จากผลของเงินหรือผลตอบแทนที่ทบต้น (Power of Compounding) ทั้งจากเงินปันผลและจากกำไรในการขายหุ้น (Capital Gain) โดยดูได้จากผลตอบแทนจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่จัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ไทยเมื่อปี 2518 จนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2555 ซึ่งมีผลตอบแทนของการลงทุนรวมปันผล เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 12.5% ต่อปี (SET Total Return)
อนึ่ง VI (Value investor) หรือสาวกของ Warren Buffet หรือ Philip Fisher หลายคน รวมทั้งกองทุนรวมของเรา ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า การลงทุนระยะยาวสร้างความมั่งคั่งได้ดีแม้จะผ่านวิกฤตหลายๆ ครั้ง เช่น ช่วงลอยตัวค่าเงินบาท วิกฤตการเงินของ Lehman หรือวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรป เป็นต้น
สำหรับความเสี่ยงของธุรกิจ Health Care ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ความเสี่ยงเหล่านั้นได้แก่ความเสี่ยงในการวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และใช้เวลายาวนานกว่าจะได้ผลผลิตที่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายที่เกี่ยวกับการประกันสุขภาพ รวมไปถึงกฎเกี่ยวกับสิทธิบัตรยา
เมื่อส่วนหนึ่งของการเติบโตของอุตสาหกรรม Health Care จำเป็นต้องอาศัยตัวแปรต่างๆ โดย เฉพาะนโยบายจากภาครัฐ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่การเปลี่ยนแปลงในด้านนโยบายภาครัฐอาจทำให้เกิดความผันผวนต่อการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรม และอาจจะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ในระยะสั้น
อีกความเสี่ยงก็คือ การแข่งขันในธุรกิจที่จะทวีขึ้นแต่นั่นก็เป็นเพราะ Health Care เป็น Sector ที่มีอนาคตดีนั่นเอง
ปัจจุบันกองทุนเปิดบัวหลวงโกลบอลเฮลธ์แคร์ (BCARE) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2555 เท่ากับ 126.80 ล้านบาท หรือ 12.0365 บาทต่อหน่วยลงทุน มีผลตอบแทนในรอบ 1 ปีเท่ากับ 20.57%