บลจ.แมนูไลฟ์ประเมินมาตรการ QE3 ดันเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น เตือนนักลงทุนระวังความผันผวนจากแรงเทขายทำกำไรหลังหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาสวนทางตลาดหุ้นภูมิภาค
นายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.แมนูไลฟ์ กล่าวว่า หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงมาตรการเชิงรุกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบด้วยการออก QE3 พร้อมยังส่งสัญญาณว่าความพยายามในการผ่อนคลายทางการเงินนี้อาจนำมาใช้จนกระทั่งเห็นทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปเป็นร่างโดยเฉพาะด้านตลาดแรงงานสหรัฐฯ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ประกอบกับก่อนหน้านี้ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศทำธุรกรรม Outright Monetary Transactions (OMTs) ในตลาดรอง เพื่อซื้อพันธบัตรของประเทศต่างๆ ในยูโรโซนแบบไม่จำกัดจำนวน พร้อมทั้งจะดำเนินการจัดการสภาพคล่องในระบบให้อยู่ในภาวะที่สมดุล รวมทั้งรัฐบาลจีนยังประกาศแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและทำให้ความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในระบบคลี่คลายลง ตลอดจนบรรยากาศการลงทุนในตลาดส่วนใหญ่เริ่มดีขึ้น
ทั้งนี้ หากดูปัจจัยภายในประเทศ แม้ว่าล่าสุดจะมีการปรับลดประมาณการ GDP และตัวเลขการส่งออกที่ชะลอตัวลงบ้าง เรายังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังสามารถเติบโตในเกณฑ์ที่ดีอยู่ โดยมีอุปสงค์ภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนเป็นแรงขับเคลื่อน ซึ่งสะท้อนในการขยายตัวด้านสินเชื่อและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการลงทุนดังกล่าว เช่น ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ อุปโภคบริโภค โดยบริษัทจดทะเบียนใน SET และ MAI สร้างสถิติปันผลสำหรับงวดครึ่งปีแรกเกินแสนล้านเป็นปีที่สองและยังสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย ทำให้เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย แม้ว่า SET Index จะปรับตัวขึ้นมาทำลายสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปีแล้วก็ตาม แต่ยังคงเป็นตลาดหุ้นที่ต่างชาติสนใจลงทุน และหากมีการออก QE3 อาจทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาในแถบภูมิภาคเอเชียมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยได้อานิสงส์ไปด้วย
อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงมีความผันผวนและอาจถูกเทขายทำกำไรหลังจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาสวนทางกับหลายตลาดในภูมิภาค ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสดีของผู้ที่สนใจเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นในช่วงที่ตลาดปรับฐาน โดยท่านอาจพิจารณากองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อิควิตี้ ปันผล (MS-EQ DIV) เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ซึ่งกองทุนนี้เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนสม่ำเสมอและไม่มีเวลาติดตามตลาดหุ้นมากนัก โดยเราได้ตั้งเป้าหมายในการจ่ายเงินปันผลเป็นรายไตรมาส
นอกจากกองทุนดังกล่าวแล้ว กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ เอเชียน สมอลแคป อิควิตี้ เอฟไอเอฟ (MS-ASIAN SM) ซึ่งเป็นกองทุน Feeder Fund ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของ Manulife Global Fund-Asian Small Cap Equity Fund (กองทุนหลัก) โดยเน้นกระจายการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีมูลค่าตลาดขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชีย และ/หรือแปซิฟิก ซึ่งเราเปิดเสนอขายไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้สร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าที่ลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผลตอบแทนที่ดี โดยผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2555 จนถึงวันที่ 7 กันยายน 2555 สูงถึง 10.24% เหนือกว่าผลตอบแทนของ MSCI AC Asia Pacific ex JP Small Cap Index (Benchmark) ในช่วงเดียวกันที่ 1.56%
ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนนี้มีแนวทางการบริหารที่ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Bottom-up ในการคัดสรรหุ้นขนาดเล็กที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตที่ดีและอยู่ในช่วงแรกของวัฏจักรธุรกิจ รวมทั้งยังไม่ค่อยมีการจัดทำบทวิเคราะห์หรือได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายทำให้หุ้นยังมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานซึ่งเป็นจังหวะในการเข้าลงทุนของกองทุน และเมื่อบริษัทต่างๆ เหล่านี้ขยายตัวหรือเป็นที่รู้จักของนักลงทุนรายใหญ่ก็จะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น ผู้จัดการกองทุนหลักก็จะขายทำกำไรและเริ่มมองหาหุ้นขนาดเล็กที่มีค่าตัวใหม่ต่อไป จุดนี้เองที่ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้
ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังเตรียมเปิดเสนอขายกองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ อเมริกัน โกรท เอฟไอเอฟ (MS-AMERICAN) ในวันที่ 1-10 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นกองทุนรวม Feeder Fund ที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านกองทุนหลัก Manulife Global Fund-American Growth Fund บริหารจัดการโดย Manulife Asset Management (US) LLC ซึ่งมีความพร้อมและความเชี่ยวชาญทางด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ซึ่งใช้กลยุทธ์แบบ Bottom-Up Approach เช่นกัน จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งกองทุนรวมที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่ผู้ลงทุนได้