ฟินิกซ์ประกันภัยคืนชีพ ลั่นขยายงานรับประกันภัยต่อเต็มสูบหลังเคลียร์ปัญหาจบ ยืนยันไม่ขายกิจการ แต่ไม่ปิดโอกาสหากมีพันธมิตรใหม่สนร่วมทุนเพื่อขยายกิจการ ตั้งเป้าปีนี้เก็บเบี้ย 150 ล้านบาท และภายใน 3 ปีแตะระดับ 350-450 ล้านบาท
นายธีรชัย นิธิภัทรารัตน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ฟินิกซ์ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ทำการเพิ่มและลดทุนจดทะเบียนส่งผลให้เงินสำรองกองทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 167% ตามเกณฑ์ที่ทางคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อประมาณวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดบริษัทได้เตรียมที่จะรุกการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมไว้ที่ประมาณ 150 ล้านบาท และปัจจุบันสามารถทำได้แล้วประมาณ 35 ล้านบาท โดยคาดว่าหลังจากนี้ในปี 56 จะเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท และปี 57 ถึง 58 น่าจะขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 350-450 ล้านบาทได้
“เรามุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และสามารถทำได้ภายใน 4 เดือน ซึ่งมันค่อนข้างลำบากที่จะสางปัญหาที่เราไม่ได้ก่อไว้ แต่เรามีความจริงใจที่จะดำเนินธุรกิจต่อ โดยหลังจากเราสามารถทำธุรกิจต่อได้ลูกค้าเราก็ไว้ใจ และก็มีเบี้ยเข้ามาบ้างแล้ว เฉพาะเดือนกรกฎาคมก็ประมาณ 10 กว่าล้านบาท”
นายธีรชัยกล่าวอีกว่า ในส่วนของการขายกิจการนั้น บริษัทขอยืนยันว่าทางผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ แต่หากเป็นการเข้ามาร่วมทุนเพื่อทำธุรกิจร่วมกันบริษัทก็เปิดกว้างในเรื่องนี้ เพียงแต่จะต้องมีแนวคิดในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกันเท่านั้น
“เราไม่ปิดกั้นในการร่วมทุน แต่เรายืนยันว่าไม่ขายถึงแม้จะราคาเท่าไรก็ตาม ส่วนเรื่องการร่วมทุนกันก็มีการเจรจากันบ้าง แต่ก็อยู่ในแผนที่เราจะต้องทำการจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดมหาชน ส่วนต่างชาติที่ให้ความสนใจเข้ามาซื้อกิจการประกันภัยของไทยที่ผ่านมามีติดต่อมาเหมือนกันแต่นานมากแล้ว และตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว”
ขณะที่กลยุทธ์การขยายงานของบริษัทหลังจากนี้ นายธีรชัยกล่าวว่า จะเน้นกำไรจากการรับประกันภัย ซึ่งหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างภายในองค์กรอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีหน้า
โดยในส่วนการรับประกันภัยจะต้องหันมาพิจารณาความเสี่ยงภัยมากขึ้น ความเพียงพอของเบี้ยประกันภัย และกำไรจากการรับประกันภัย
ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นการขยายงานในส่วนของรายย่อย และในส่วนของประกันภัยทางทะเลมากขึ้น ซึ่งกลุ่มลูกค้ารายย่อยน่าจะมีกำไรจากการรับประกัน และต้นทุนการให้บริการอยู่ในขีดความสามารถที่บริษัทสามารถรับได้
ส่วนการรับประกันภัยรถยนต์หลังจากนี้บริษัทจะเน้นรับประกันภัยรถยนต์ปีที่ 2 เป็นหลัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าประเภทนี้พอจะสามารถทำกำไรจากการรับประกันภัยได้ แต่คงจะต้องพิจารณาความเสี่ยงในการรับประกันภัยอย่างรอบคอบเช่นกัน
ทั้งนี้ นอกจากกลยุทธ์ในการรับประกันภัยแล้ว บริษัทยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปในต่างจังหวัดอีกด้วย แต่จะต้องพิจารณาก่อนว่าจะออกมาในรูปแบบใด เพราะที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยมีสาขาในต่างจังหวัดเลย แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นการตั้งสาขาใหม่ อาจมีการร่วมทุนกับคนในพื้นที่ หรือบริษัทโบรกเกอร์ต่างๆ ก็ได้