นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 41 (KTSUP B 41) เปิดจำหน่ายในวันที่ 8-14 สิงหาคม 2555 อายุ 6 เดือน มูลค่า 5,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ต่างประเทศ ได้แก่ เงินฝากประจำ Standard Chartered Bank (Hong Kong) Lt, เงินฝากประจำ Bank of China สาขามาเก๊า ในสัดส่วน 44% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ได้แก่ เงินฝาก ตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย ตั๋วแลกเงินบริษัทเอกชน และพันธบัตรภาครัฐ ผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี โดยเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ขณะเดียวกัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 2 (KTSIV3M2) อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝาก/ตั๋วแลกเงินของธนาคารธนชาต และธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ในสัดส่วน 43%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผลตอบแทนประมาณ 2.90% ต่อปี เปิดขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2555
ทั้งนี้ ภาวะตลาดตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมายังอยู่ในช่วงการปรับฐาน และขายทำกำไร ภายหลังการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ระดับ 3% ทำให้อัตราผลตอบแทนของตราสารระยะกลางถึงยาวปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่ตราสาหนี้อายุ 3-12 เดือนปรับตัวลง 1-3 bp คาดว่าเกิดจากการปรับพอร์ตเพื่อพักเงินลงทุนในช่วงอายุดังกล่าว ในส่วนของวิกฤตหนี้ยุโรป ล่าสุดหลังจากการประชุมของ FED และ ECB ทำให้ตลาดการเงินค่อนข้างผิดหวังกับผลการประชุมที่รายงานว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้ชะลอลงในปีนี้ และไม่มีการเสนอมาตรการที่ชัดเจนที่จะกระตุ้นทางการเงินครั้งใหม่ ส่งผลให้การประเมินแนวโน้มค่าเงินบาทมีโอกาสแกว่งตัวผันผวนและอ่อนค่าลง ดังนั้น การลงทุนในกองทุนประเภทกำหนดอายุโครงการจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพื่อล็อกผลตอบแทนสำหรับการลงทุน
ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M31 (KFFIX6M31) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐไทย สัดส่วนการลงทุน 26% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 6% ตั๋วแลกเงินออกโดย บ. อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จก. (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 24% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20% และเงินฝากธนาคาร Standard Chartered Bank (ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 24%
โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.15% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงินเพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
สำหรับกองทุน KFFIX6M31 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน และต้องการโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ทั้งนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใช้เป็นที่พักเงินเพื่อรอจังหวะลงทุน เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวนทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศในแถบยุโรป
ขณะที่ บลจ.ยูโอบีเปิดขายกองทุนเปิด ยูโอบี เอสที 3 เอ็ม 2 (UOBST 3M2) อายุ 3 เดือน มูลค่ากองทุน 1,000 ล้านบาท ( Green Shoe 15%) เปิดขายตั้งแต่วันที่ 7-10 สิงหาคม 2555 มูลค่าขั้นต่ำในการสั่งซื้อ 10,000 บาท ประมาณการผลตอบแทนอยู่ที่ 2.90%
โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนตราสารภาครัฐบาล ได้แก่ ตัวเงินคลัง, พันธบัตรรัฐบาล, พันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย, ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ หรือหุ้นกู้ภาคเอกชน ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ Investment Grade ขึ้นไป ส่วนที่เหลือนำไปลงทุนในเงินฝาก