xs
xsm
sm
md
lg

ดอกเบี้ยไทยจ่อขึ้นช่วง Q4 กรุงศรีขายกองบอนด์ 6 เดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กรุงศรีเปิดขายกอง 6 เดือน ชูยิลด์ 3.1% ต่อปี เชื่อเหมาะต่อนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก ด้านเอชเอสบีซีแบงก์ประเมินเศรษฐกิจไทยโตเกินคาด ดอกเบี้ยจ่อปรับอีก 0.25% ช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M27 (KFFIX6M27) ระหว่างวันที่ 10-16 ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นกองทุนที่เหมาะต่อนักลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก รวมทั้งต้องการล็อกผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้และสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน

กองทุนนี้มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐไทย สัดส่วนการลงทุน 32% ตั๋วแลกเงินออกโดย บ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จก. (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 24% เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 24% และเงินฝากธนาคาร Standard Chartered Bank (ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20%

โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.10% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อ

ขณะที่ธนาคารเอชเอสบีซีกล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจไทยว่า นโยบายการเงินที่เอื้อต่อการเติบโตเศรษฐกิจ (แต่อาจจะเกื้อหนุนต่อเศรษฐกิจน้อยลงในปี 2556) รวมถึงการคาดการณ์ว่าจะเห็นเศรษฐกิจที่เติบโตเกินคาด ความเสี่ยงด้านการเมืองที่คลี่คลายลง และการประเมินมูลค่าที่เอื้อต่อการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นจะส่งผลดีต่อหุ้นไทย

โดยที่ประเทศไทย รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคมีขนาดของประชากรที่เหมาะสม และมีนโยบายการคลังหลายเรื่องที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจอย่างง่ายๆ การเติบโตเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคจะเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เนื่องจากมีการพัฒนาของประเทศในแถบลุ่มแม่น้ำโขง และการเปิดประเทศของสหภาพเมียนมาร์

ขณะที่ปัญหาเงินเฟ้อยังเป็นปัญหาที่ไม่น่าเป็นห่วงนัก นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเอชเอสบีซีเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังคงทรงตัวไปอีกหลายไตรมาส จนกว่าจะถึงไตรมาส 4/55 ที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.25 นโยบายการเงินขณะนี้เกื้อหนุนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่เราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับสูงขึ้นในปี 2556

ทั้งนี้ แม้ว่าผลการดำเนินงานของภาคธุรกิจไทยปี 2554 จะไม่เป็นไปตามคาด แต่ผลกำไรในไตรมาสแรกของปี 2555 กลับออกมาดีเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ ส่งผลให้นักวิเคราะห์ต้องปรับคาดการณ์ตัวเลขให้สูงขึ้น หลายคนเห็นตรงกันว่าการเติบโตของยอดขายจะใกล้เคียงกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่คำนวณได้ (แต่น้อยกว่าการเติบโตของยอดขายของทั้งภูมิภาค) นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในขณะนี้เห็นพ้องว่า การเติบโตของยอดขายจะอยู่ที่ร้อยละ 8.4 และการเติบโตของกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ที่ร้อยละ 6.6 ซึ่งส่วนต่างที่ลดน้อยลง (margin) น่าจะเป็นผลมาจากต้นทุนค่าจ้างแรงงาน

ธนาคารเอชเอสบีซีมองว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) คาดว่าจะเติบโตเร็วขึ้น เนื่องจากผลประโยชน์ทางภาษีถูกนำเข้ามาคำนวณด้วย การเติบโตจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เนื่องจากการฟื้นฟูหลังสถานการณ์น้ำท่วมใช้เวลายาวนานกว่าที่คาดไว้จนกระทั่งถึงช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ดีขึ้น และจากการเติบโตที่ดีของผลกำไรของภาคธุรกิจ การลงทุนที่อยู่ในระดับต่ำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ทางการเมืองที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ อาจสะท้อนว่าการลงทุนของบริษัทอาจจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตราวร้อยละ 12-14 โดยมีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งกำลังพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กของไทยเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น