ไทยพาณิชย์ลั่นกวาดเบี้ยปี 55 ทะลุเป้าแตะ 3.7 หมื่นล้าน หลังครึ่งปีเก็บไปแล้วเกินครึ่งเกือบ 1.9 หมื่นล้านบาท เล็งเดินหน้าบุกทุกช่องทาง พร้อมขยายพันธมิตรใหม่ทั้งแบงก์ขนาดเล็ก-นอนแบงก์เพิ่ม
นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในปีนี้น่าจะเติบโตที่ประมาณ 15% ซึ่งในส่วนของบริษัทน่าจะเติบโตได้มากกว่านั้น และทำให้เบี้ยรับรวมเติบโตได้ถึง 37,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 36,600 ล้านบาท ขณะที่เบี้ยปีแรกน่าจะเติบโตได้ที่ 16,000 ล้านบาทจากเดิมที่ตั้งไว้ 15,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีกว่าเป้าหมายในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีเบี้ยรับรวม 18,873 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 30% แบ่งเป็นเบี้ยปีแรกจากทุกช่องทางขายรวม 7,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 34% และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9% และเป็นเบี้ยต่ออายุ 11,403 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18%
“การที่ครึ่งปีแรกเติบโตได้อย่างดีเพราะน่าจะมาจากน้ำท่วม ส่งผลให้ตลาดมีความคึกคักในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ติดต่อกัน โดยเชื่อว่าในครึ่งปีหลังตลาดน่าจะมีการเติบโตได้ดีกว่า เนื่องจากคนไทยจะตื่นตัวในการวางแผนการออมและการลงทุนผ่านประกันชีวิตกันมาก ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ด้วย”
นายวิพล กล่าวว่า กลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นการเติบโตในทุกช่องทาง ทั้งตัวแทน และแบงก์แอสชัวรันซ์ และธุรกิจเฉพาะช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์เจาะกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน รถยนต์ โดยจะมีสินค้าใหม่และเป็นแบบประกันแบบแรกในตลาดของกลุ่มลูกค้าองค์กร และเป็นแบบประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ และขยายความคุ้มครองให้ครอบครัว
ขณะที่ช่องทางตัวแทนเป็นช่องทางที่บริษัทมีความพยายามจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เน้นจำนวนของตัวแทน แต่จะเน้นในเรื่องคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันจำนวนตัวแทนของบริษัทลดลงจากเดิมที่ 7-8 พันคน เหลือประมาณ 3 พันคน แต่ในจำนวนนี้ 30-40% จะมียอดขายสูงถึง 90% ของพอร์ตทั้งหมด ซึ่งหลังจากนี้บริษัทจะพยายามสร้างตัวแทนแบบนี้ขึ้นมาอีก
“ต่อจากนี้ตัวแทนเราคงจะเพิ่มไม่เยอะอาจไม่ถึงหมื่นราย แต่คุณภาพของตัวแทนเราจะสูงและจะมีการขายสม่ำเสมอ 40-50% ต่อเดือนหรืออย่างน้อย 1 เคสต่อเดือน นอกจากนี้เรายังเตรียมพัฒนาสินค้าเพื่อช่องทางนี้โดยเฉพาะอีกด้วย โดย 1 มกราคมปีหน้าการปรับโครงสร้างในส่วนของสินค้าและปรับพื้นฐานเพื่อรองรับโมเดลใหม่เพื่อสร้างตัวแทนคุณภาพ และการปรับโครงสร้างองค์กรภายในน่าจะแล้วเสร็จ และกลางปีหน้าจะเห็นอะไรที่ชัดเจนมากกว่านี้”
เล็งเพิ่มพันธมิตรใหม่
นายวิพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของช่องทางธุรกิจเฉพาะได้มีการขยายงานแบบเต็มรูปแบบ และมีการทำการตลาดแบบเจาะธุรกิจองค์กรข้าราชการมากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสการขายให้มากขึ้น และสินค้าในกลุ่มลูกค้านี้จะต้องแตกต่างจากช่องทางตัวแทนและช่องทางอื่นๆ โดยเฉพาะกับเทสโก้โลตัส และจะมีการจัดหาพันธมิตรรายใหม่ ธ.ก.ส. มีการเพิ่มจำนวนคนเพื่อเข้าไปทำการขายในช่องทางนี้ โดยที่ ธ.ก.ส. จะให้พื้นที่บริษัทขาย ซึ่งยังมีอีก 3 องค์กรขนาดใหญ่ที่กำลังอยู่ระหว่างเจรจา และน่าจะจบได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเจาะตลาดแบงก์ขนาดเล็ก รวมถึงนอนแบงก์อื่นๆ อีก โดยตั้งเป้าว่าใน 3 ปีข้างหน้าสัดส่วนการขายของบริษัทจะสามารถปรับมาเป็นช่องทางแบงก์ 70-75% และเป็นนอนแบงก์ที่ประมาณ 25%
นายวิพล วรเสาหฤท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในปีนี้น่าจะเติบโตที่ประมาณ 15% ซึ่งในส่วนของบริษัทน่าจะเติบโตได้มากกว่านั้น และทำให้เบี้ยรับรวมเติบโตได้ถึง 37,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 36,600 ล้านบาท ขณะที่เบี้ยปีแรกน่าจะเติบโตได้ที่ 16,000 ล้านบาทจากเดิมที่ตั้งไว้ 15,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีกว่าเป้าหมายในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีเบี้ยรับรวม 18,873 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 30% แบ่งเป็นเบี้ยปีแรกจากทุกช่องทางขายรวม 7,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 34% และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 9% และเป็นเบี้ยต่ออายุ 11,403 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18%
“การที่ครึ่งปีแรกเติบโตได้อย่างดีเพราะน่าจะมาจากน้ำท่วม ส่งผลให้ตลาดมีความคึกคักในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ติดต่อกัน โดยเชื่อว่าในครึ่งปีหลังตลาดน่าจะมีการเติบโตได้ดีกว่า เนื่องจากคนไทยจะตื่นตัวในการวางแผนการออมและการลงทุนผ่านประกันชีวิตกันมาก ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า และสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ด้วย”
นายวิพล กล่าวว่า กลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเน้นการเติบโตในทุกช่องทาง ทั้งตัวแทน และแบงก์แอสชัวรันซ์ และธุรกิจเฉพาะช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์เจาะกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน รถยนต์ โดยจะมีสินค้าใหม่และเป็นแบบประกันแบบแรกในตลาดของกลุ่มลูกค้าองค์กร และเป็นแบบประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ และขยายความคุ้มครองให้ครอบครัว
ขณะที่ช่องทางตัวแทนเป็นช่องทางที่บริษัทมีความพยายามจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เน้นจำนวนของตัวแทน แต่จะเน้นในเรื่องคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันจำนวนตัวแทนของบริษัทลดลงจากเดิมที่ 7-8 พันคน เหลือประมาณ 3 พันคน แต่ในจำนวนนี้ 30-40% จะมียอดขายสูงถึง 90% ของพอร์ตทั้งหมด ซึ่งหลังจากนี้บริษัทจะพยายามสร้างตัวแทนแบบนี้ขึ้นมาอีก
“ต่อจากนี้ตัวแทนเราคงจะเพิ่มไม่เยอะอาจไม่ถึงหมื่นราย แต่คุณภาพของตัวแทนเราจะสูงและจะมีการขายสม่ำเสมอ 40-50% ต่อเดือนหรืออย่างน้อย 1 เคสต่อเดือน นอกจากนี้เรายังเตรียมพัฒนาสินค้าเพื่อช่องทางนี้โดยเฉพาะอีกด้วย โดย 1 มกราคมปีหน้าการปรับโครงสร้างในส่วนของสินค้าและปรับพื้นฐานเพื่อรองรับโมเดลใหม่เพื่อสร้างตัวแทนคุณภาพ และการปรับโครงสร้างองค์กรภายในน่าจะแล้วเสร็จ และกลางปีหน้าจะเห็นอะไรที่ชัดเจนมากกว่านี้”
เล็งเพิ่มพันธมิตรใหม่
นายวิพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของช่องทางธุรกิจเฉพาะได้มีการขยายงานแบบเต็มรูปแบบ และมีการทำการตลาดแบบเจาะธุรกิจองค์กรข้าราชการมากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างโอกาสการขายให้มากขึ้น และสินค้าในกลุ่มลูกค้านี้จะต้องแตกต่างจากช่องทางตัวแทนและช่องทางอื่นๆ โดยเฉพาะกับเทสโก้โลตัส และจะมีการจัดหาพันธมิตรรายใหม่ ธ.ก.ส. มีการเพิ่มจำนวนคนเพื่อเข้าไปทำการขายในช่องทางนี้ โดยที่ ธ.ก.ส. จะให้พื้นที่บริษัทขาย ซึ่งยังมีอีก 3 องค์กรขนาดใหญ่ที่กำลังอยู่ระหว่างเจรจา และน่าจะจบได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเจาะตลาดแบงก์ขนาดเล็ก รวมถึงนอนแบงก์อื่นๆ อีก โดยตั้งเป้าว่าใน 3 ปีข้างหน้าสัดส่วนการขายของบริษัทจะสามารถปรับมาเป็นช่องทางแบงก์ 70-75% และเป็นนอนแบงก์ที่ประมาณ 25%