โตเกียวมารีนประกันชีวิตตั้งเป้าทั้งปีผลตอบแทนลงทุน 4% เน้นลงทุนบอนด์รัฐ-เอกชนเป็นหลัก มั่นใจทั้งปีเบี้ยรับรวมทะลุ 2,000 ล้านบาท หลัง 6 เดือนแรกกวาดเบี้ยไปแล้วกว่า 1,193 ล้านบาท สุดปลื้มช่องทางตัวแทนโตต่อเนื่อง ลั่นช่วงครึ่งหลังปีนี้ทำยอดเพิ่มอีก
นายฮิโรชิ ทาเทอิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทสามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ประมาณ 1,193 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรกประมาณ 459 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับต่ออายุประมาณ 734 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าประมาณการถึง 20% และโตกว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมของปี 2554 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันอยู่ที่ 24.3%
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมปีนี้ไว้ที่ 2,350 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 750 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุ 1,600 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 23% ซึ่งนับว่าสูงกว่าอัตราการเติบโตของภาพรวมธุกิจประกันชีวิตที่คาดการเติบโตโดยประมาณที่ 15%
ส่วนเป้าหมายผลตอบแทนจากการลงทุนปีนี้น่าจะอยู่ที่ระดับ 4% หลังจากแนวโน้มการลงทุนอยู่ในระดับดีต่อเนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ มั่นใจว่าผลตอบแทนดังกล่าวในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 4% แน่นอน ทั้งนี้ บริษัทยังคงแผนการลงทุนรูปแบบเดิมที่เน้นลงทุนในตลาดพันธบัตรรัฐและหุ้นกู้เป็นหลัก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง
ขณะที่แผนการลงทุนของบริษัทจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น แม้ว่าภาวะการลงทุนในตลาดทุนจะกลับมาอยู่ในทิศทางดีก็ตาม สำหรับพอร์ตการลงทุนของบริษัทขณะนี้อยู่ที่ระดับ 350 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาประมาณ 50 ล้านบาท สัดส่วนการลงทุนเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประมาณ 90% กว่า สัดส่วนการลงทุนที่เหลือกระจายลงทุนในหุ้นกู้ และเป็นเงินสด
ด้าน นายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานการบริหารตัวแทน บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับช่องทางตัวแทนช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้บริษัทสามารถทำผลงานได้ประมาณ 36 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 39%
ทั้งนี้ หากคิดเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรวมกับเบี้ยประกันภัยรับปีต่ออายุบริษัทสามารถทำได้ประมาณ 597 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วที่เติบโตขึ้น 85% จากเดิมที่วางไว้ว่าจะทำยอดให้ได้ประมาณ 40% ของเป้าหมายปลายปีที่ 240 ล้านบาท ขณะนี้มีผลงานเท่ากับ 60% ของเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีที่ 600 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นสัญญาณที่ดีในครึ่งปีแรกที่จะทำให้การทำงานในครึ่งปีหลังบรรลุผลสำเร็จได้ไม่ยากนัก ถึงแม้จะมีปัจจัยลบอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่ากับปีที่ผ่านมาที่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม รวมทั้งสามารถพัฒนาการขายที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แบบประกันบำนาญ (Pension Choice) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามียอดขายในผลิตภัณฑ์นี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ซึ่งน่าจะทำให้ผลงาน 6 เดือนหลังของปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมา