บลจ.เดินหน้าขายกองตราสารหนี้ต่อเนื่อง ฟินันซ่าชี้เหมาะพักเงินก่อนปรับพอร์ตใหม่ ส่งกอง 3 เดือนยิลด์ 3.2% ส่วน "กสิกรฯ-AYF" ขายช่วงเวลาเดียวกันรวม 4 กองทุนถึง 2 กรกฎาคมนี้ ด้านกสิกรไทยยันมูดี้ส์หั่นอันดับ 15 แบงก์นอกไม่กระทบกองทุนตราสารหนี้ของบริษัท
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ฟินันซ่า จำกัด เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนไหวทั้งจากยุโรป อเมริกา และจีน โดยเฉพาะการแถลงการณ์ผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ล่าสุด
ทั้งนี้ การลงทุนระยะสั้นยังคงเป็นตลาดที่เหมาะสมเพื่อใช้รอจังหวะในการลงทุน และใช้ในการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนเมื่อมีโอกาสในอนาคต กองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 3เดือน2 (FAM FIPR 3M2) จะเปิดเสนอขายตั้งแต่ 25-29 มิถุนายนนี้ ประมาณการผลตอบแทนที่ 3.2% ต่อปีสำหรับการลงทุน 3 เดือน
นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ทั้งไทยและต่างประเทศเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนทุกสัปดาห์ โดยในวันที่ 26 มิถุนายน-2 กรกฎาคมนี้จะเสนอขายกองทุนใหม่ทั้งหมด 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดเค คุ้มครองเงินต้น ตราสารหนี้ไทย 3 เดือน เอคิว (KPPTF3MAQ) ประมาณการผลตอบแทนที่ 2.70% ต่อปี เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล
ส่วนกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 3 เดือน บีซี (KFI3MBC) โอกาสรับผลตอบแทนประมาณ 3.00% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ยู (KFF6MU) โอกาสรับผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี
ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M25 (KFFIX6M25) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน และคาดว่านักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.15 % ต่อปี ตั้งแต่วันนี้ถึง 2 กรกฎาคมนี้
สำหรับกองทุนนี้มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐไทย สัดส่วนการลงทุน 8% ตั๋วแลกเงินออกโดย บ.อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จก. (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 24% ตั๋วแลกเงินออกโดยธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 24% และตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Bradesco SA. สัดส่วนการลงทุน 24%
กสิกรฯ ย้ำหั่นอันดับแบงก์นอกไม่กระทบลงทุน
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสถาบันการเงิน 15 แห่งทั่วโลกของ Moody’s ไม่ได้กระทบต่อตลาดมากนักเนื่องจากตลาดได้คาดการณ์ถึงโอกาสที่จะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการของบริษัท
ทั้งนี้ เชื่อว่าธนาคารต่างๆ เหล่านี้ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้รับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้นและยังไม่ได้มีการผิดนัดชำระหนี้จึงยังไม่มีผลกระทบใดๆ ในแง่ของอัตราผลตอบแทน
ส่วนกองทุนตราสารหนี้ของบริษัทที่มีการถือครองตราสารของสถาบันการเงินดังกล่าวอยู่ในพอร์ตนั้นประกอบด้วย กองทุนเปิดเคตราสารหนี้ต่างประเทศ 7 ปี เอ (KFF7YA) กองทุนเปิดเค สมาร์ท เอฟทีดี 3 ปี เอ (KSFTD3YA) กองทุนเปิดเค สมาร์ท ตราสารต่างประเทศ 1 ปี เอ (KSF1YA) กองทุนเปิดเค สมาร์ท ซีแอลเอ็น 1 ปี เอ (KSCLN1YA) และกองทุนเปิดเค โกลด์ ลิงค์ คอมเพล็กซ์ รีเทิร์น 1 ปี เอ (KGL1YA)
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าสถาบันการเงินเหล่านี้ยังมีความสามารถในการชำระหนี้สูงและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้วเต็มจำนวน ผู้ที่มีการลงทุนอยู่ในกองทุนข้างต้นจึงสามารถคลายความกังวลลงได้