โดย วรวรรณ ธาราภูมิ
และทีมจัดการกองทุน บลจ.บัวหลวง
เศรษฐกิจโลก
• การประชุม รมต.คลังกลุ่มประเทศยูโรโซนในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ข้อตกลงเบื้องต้นว่าจะให้เงินกู้แก่สเปน 1 แสนยูโร เพื่อไปใช้ช่วยเหลือ ธ.พาณิชย์สเปนที่มีปัญหาหนี้เสียจำนวนมาก
ทั้งนี้ รัฐบาลสเปนยังไม่ทราบแน่ชัดว่าต้องใช้เงินเท่าใด แต่มีการคาดว่า ธ.พาณิชย์ในสเปนทั้งระบบจะต้องการเงินทุนอัดฉีดรวมกันระหว่าง 4 หมื่น ถึง 1 แสนล้านยูโร โดยแห่งที่ต้องใช้เงินมากที่สุดนั้นต้องการ 23.5 พันล้านยูโร ส่งผลให้สเปนจะเป็นประเทศที่ 4 ที่ต้องการเงินช่วยเหลือจากอียู ตามหลังกรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส
• ธนาคารกลางเยอรมนีเพิ่มอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้จาก 0.6% ที่คาดไว้ในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาเป็น 1.0% ด้วยแรงผลักดันจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการภายในประเทศที่ได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดแรงงานที่แข็งแรง และคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีอาจจะขยายตัวดีขึ้นอีกเป็น 1.6% ในปีหน้า
• ธนาคารกลางฝรั่งเศสลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของฝรั่งเศสลงจากเดิมที่คาดว่าจะทรงตัวในไตรมาส 2/55 ให้หดตัวลง 0.1% ซึ่งถ้าเป็นไปตามคาดการณ์ก็จะเป็นไตรมาสแรกที่เศรษฐกิจฝรั่งเศสหดตัวนับแต่ภาวะถดถอยในปีก่อน
• GDP ไตรมาส 1/55 ของโปรตุเกสหดตัวลง 0.1% จากไตรมาส 4 และลดลง 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำลังอยู่ในช่วงปรับลดค่าใช้จ่ายและขึ้นภาษีตามเงื่อนไขของแผนการช่วยเหลือมูลค่า 7.8 หมื่นล้านยูโร จาก EU และ IMF ซึ่งส่งผลให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนลดลง 2.1% และภาครัฐลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
• ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เปิดเผยว่า ความมั่งคั่งของภาคครัวเรือนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.7% ในไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากสินทรัพย์ทางการเงินและมูลค่าบ้านเพิ่มขึ้น ทำให้ความมั่งคั่งสุทธิของภาคครัวเรือน (ผลต่างระหว่างมูลค่าทรัพย์สินกับหนี้สิน) เพิ่มขึ้นประมาณ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ จากไตรมาสที่ 4 ปีก่อน มาอยู่ที่ 62.9 ล้านล้านดอลลาร์ในสิ้นเดือน มี.ค.ปีนี้
• สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐฯ ที่ AA+ แต่ยังคงให้แนวโน้มเชิงลบ โดยระบุว่าสหรัฐฯ ยังมีโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และ FED พร้อมที่จะสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน แต่สถานะการคลังที่มีหนี้สูงและเสถียรภาพทางการเมืองที่ลดลงทำให้ยังคงแนวโน้มที่เชิงลบ
นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.0-3.5% ต่อปีไปจนถึงปี 2559 โดยมีความเสี่ยงประมาณ 20% ที่จะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอย
• ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้บรรดาผู้นำในยุโรปเร่งดำเนินการแก้วิกฤตเศรษฐกิจอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปที่ย่ำแย่หลายรายการ และชี้ว่าวิกฤตหนี้สินในยุโรปมีส่วนทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง
เศรษฐกิจเอเชีย
• สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) รายงานดัชนีเศรษฐกิจจีนสำหรับเดือน พ.ค. ค่อนข้างต่ำกว่าคาด โดยผลผลิตมูลค่าเพิ่มภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 9.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ต่ำกว่าที่คาดว่าจะขยายตัว 9.9% ยอดค้าปลีกของจีนขยายตัว 13.8% ต่ำกว่าที่คาดว่าจะขยายตัว 14.3%
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรสามารถขยายตัวมากกว่าที่คาดเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 20.1% ทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอตัวมากกว่าที่คิด
ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อลดลงเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน พ.ค.ยังชะลอลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 3.0% ในเดือน พ.ค. จากที่เคยขยายตัว 3.4% และ 3.6% ในเดือน เม.ย.และ มี.ค.
• สำนักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (UNDESA) คาดว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจะชะลอลงจาก 9.2% ในปีก่อนสู่ระดับ 8.3% ในปีนี้ และมีความเสี่ยงต่ำที่จีนจะทรุดตัวลงรุนแรงหรือ Hard Landing
การชะลอตัวของจีนและเศรษฐกิจกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกลดลง โดยคาดว่าภูมิภาคนี้จะเติบโตเฉลี่ยที่ 6.5% ในปีนี้ ลดลงจาก 7.1% ในปีก่อน
• Rolls-Royce ผู้ผลิตรถยนต์และครื่องยนต์สำหรับอากาศยาน ประเทศอังกฤษ ประกาศว่าสนใจจะขยายการลงทุนและเลือกไทยเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอากาศยานในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงยังสนใจในธุรกิจพลังงานอีกด้วย โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตกระแสไฟฟ้าหลายประเภท และในเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ภาคตะวันออกของไทยเป็นฐานผลิต
• คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อนุมัติผลตอบแทนการก่อสร้างคลังเก็บก๊าซแอลพีจี ระยะที่ 1 และ 2 ของ ปตท. ที่มีปริมาณจัดเก็บรวม 5 แสนตัน คิดเป็นเงินลงทุน 48,000 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวจะสะท้อนไปที่ค่าแอลพีจีที่ประชาชนต้องรับภาระเพิ่มขึ้น 30 สตางค์ต่อหน่วย ภายหลังจากสร้างคลังเก็บแอลพีจีเสร็จเฟสแรกใน 2-3 ปีจากนี้
• ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ในการประชุม กนง.13 มิ.ย.นี้น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.00% เพื่อดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อมาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ ทยอยสิ้นสุดลง
Equity Market
• SET Index ปิดที่ 1,127.10 จุด เพิ่มขึ้น 8.57 จุด หรือ +0.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 18,631 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 207 ล้านบาท
ทั้งนี้ ดัชนีได้ปรับตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่นักลงทุนคาดหวังว่าจะมีความคืบหน้ามากขึ้นเกี่ยวกับปัญหาหนี้และเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งตอนนี้กำลังมุ่งไปยังประเด็นการช่วยเหลือภาคธนาคารพาณิชย์ในประเทศสเปน
ด้วยสาเหตุนี้ทำให้มีแรงซื้อเข้ามายังหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น พลังงานและปิโตรเคมี เป็นต้น
Fixed Income Market
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลงในเกือบทุกช่วงอายุ โดยลดลงในช่วงระหว่าง -0.01% ถึง 0.00% แต่รุ่นอายุต่ำกว่า 2 ปีมีอัตราผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย สำหรับวันนี้มีการประมูลตั๋วสัญญาใช้เงินอายุ 6 เดือน มูลค่า 8,500 ล้านบาท
Guru Corner
Marc Faber :พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกากำลังเป็นฟองสบู่ที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งๆ ที่ให้ผลตอบแทนต่ำมาก
อย่างเช่นรุ่น 10 ปีให้ผลตอบแทนต่ำกว่า 1.50% ต่อปีเท่านั้น ในขณะที่หุ้นอย่าง Johnson & Johnson ให้ปันผลที่ 4%
แม้ไม่ได้การันตีว่าราคาตลาดของหุ้นตัวนี้จะไม่ลงไปตามตลาดหุ้นที่น่าจะลงไปอีก เพราะทั่วโลกกำลังเริ่มเข้าสู่ยุค Bear market (ตลาดหมี) ที่กำลังจะลงลึกไปเรื่อยๆ โดยที่ทุกคนค่อนข้าง Bearish แต่ปันผลที่จะได้รับจากหุ้นก็ยังดีกว่าพันธบัตร
ดังนั้น ถ้ามีเงินเย็นที่ลงทุนได้นานถึง 10 ปี การลงทุนในหุ้นแบบนี้ก็ดีกว่าซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ
ขอยืนยันว่ายุโรปกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วในวันนี้ (Recession) และในความเป็นจริงจีนก็ขยายตัวชะลอลงไปอย่างมีนัยสำคัญมากกว่าตัวเลขที่เปิดเผยต่อสาธารณะด้วย
นั่นก็คือแทบไม่มีที่ใดในโลกที่มีการเติบโต ผลกระทบก็คือความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมก็จะลดลงไป ทำให้ผลผลิตของประเทศที่ส่งออกสินค้าดังกล่าวจะลดลงไปด้วย
ไม่แน่ใจว่าราคาทองคำจะทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) ได้ในปีนี้หรือไม่ แต่คิดว่าช่วงนี้ราคาทองคำน่าจะอยู่ในระดับต่ำสุดแล้ว และราคาหุ้นเหมืองทองคำบางแห่งก็ถูกมาก เมื่อเทียบกับปริมาณทองคำสำรองที่บริษัทพวกนี้มีอยู่ในมือ
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เป็นที่รู้กันแล้วว่า ยิ่งเศรษฐกิจแย่ลงไปเท่าไรก็ยิ่งมีโอกาสสูงที่ตัวตลกบางคนที่ธนาคารกลางจะพิมพ์เงินกระดาษออกมาท่วมระบบด้วยความเต็มใจ ดังนั้น การได้ครอบครองเงินตราที่เสกออกมาจากแท่นพิมพ์ไม่ได้อย่างทองคำ จึงเป็นการลงทุนที่พึงปรารถนา