กูรูแนะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ทยอยเก็บสินทรัพย์เสี่ยงเข้าพอร์ต

นักวิเคราะห์กองทุนรวมแนะนักลงทุนมองวิกฤตให้เป็นโอกาส ทยอยเก็บสินทรัพย์เสี่ยงเข้าพอร์ต เน้นลงทุนในกองทุนตลาดเกิดใหม่ กองทุนหุ้น LTF/RMF และกองทุนทองคำ

นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล Fund SuperMart Analyst บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจัยปัญหาหนี้ยุโรปยังคงเป็นสิ่งที่ตลาดจับตามองอย่างใกล้ชิด การเลือกตั้งรอบใหม่ของกรีซยังไม่ชัดเจน และภาคธนาคารของสเปนสร้างความกังวลแก่นักลงทุนมากขึ้นทุกขณะ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปนพุ่งขึ้นเข้าใกล้ 7% ซึ่งเป็นระดับที่อาจทำให้สเปนจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจาก ECB และ IMF เป็นประเทศถัดไปต่อจากไอร์แลนด์ โปรตุเกส และกรีซ นอกจากนี้ ไม่ใช่เฉพาะยุโรปเท่านั้น ความกังวลของนักลงทุนยังรวมถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ และจีนด้วยเช่นกัน โดยทั้ง 2 ประเทศยังไม่มีท่าทีจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในตอนนี้สร้างความไม่มั่นใจให้แก่นักลงทุนด้วยอีกทาง ดังนั้นเราคาดว่าในเดือนมิถุนายน 55 ราคาสินทรัพย์เสี่ยงคงยังผันผวนต่อไปอีก และแนวโน้มที่จะร่วงลงต่อมีสูง โดยมีความกังวลถึงความเป็นไปได้ที่ยูโรโซนจะล่มสลาย หรือมีอย่างน้อย 1 ประเทศที่จะถอนตัวออกจากยูโรโซน เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราได้ให้พักเงินลงทุนส่วนใหญ่ไว้ในกองทุนตลาดเงินที่แนะนำอย่าง PCASH และ SCBTMF ขณะนี้เรามองว่าสถานการณ์ปัญหาหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวสร้างความผันผวนแก่ตลาดสินทรัพย์เสี่ยง แต่เรามองเป็นโอกาสที่ดีที่จะเริ่มทยอยกลับเข้าไปลงทุน แนะนำให้เริ่มพิจารณานำเงินลงทุนที่พักไว้กลับเข้าลงทุนกองทุนสินทรัพย์เสี่ยงที่แนะนำ โดยเฉพาะกองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ LTF และ RMF รวมถึงกองทุนทองคำ นอกจากนี้ เรายังมองว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการกลับเข้าลงทุนกองทุน T-Global Bond Fund ที่ได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ ราคา NAV ตกลงมาในระดับที่น่าสนใจ แนะนำทยอยสะสม

ทั้งนี้ ปัจจัยลบต่างๆ ในตลาดตอนนี้สร้างความกลัวแก่นักลงทุน และความผันผวนของราคาสินทรัพย์เสี่ยงเป็นอย่างมาก แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาวแล้วโอกาสมักจะมาพร้อมกับความผันผวน ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เริ่มพิจารณาทยอยสะสมกองทุนหุ้น โดยยังคงเน้นกองทุนตลาดเกิดใหม่เป็นหลักอย่าง ABGEM และ ABAPAC/ABAPAC-RMF ของ บลจ.อเบอร์ดีน ขณะที่ SETI ก็ปรับลดลงมาพอสมควรแล้วเช่นกัน กองทุนที่น่าสนใจสำหรับสะสมคือ KFLTFDIV และ KFDIVRMF อย่างไรก็ตาม โอกาสที่วิกฤตหนี้ยุโรปจะรุนแรงกว่านี้ยังมีอยู่ การลงทุนยังต้องใช้ความระมัดระวัง แนะนำค่อยๆ ทยอยเข้าสะสมลงทุนระยะยาวน่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า

สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ได้สะสมกองทุนทองคำ เรามองว่าราคาทองคำใกล้ๆ $1,500 US/oz ยังคงเป็นระดับที่น่าสนใจ ดังนั้นเราคงคำแนะนำให้ทยอยสะสมกองทุนรวมทองคำ โดยกองทุนที่เราแนะนำยังคงเป็น TGold-Bullion-H/TGoldBullion-H RMF ของ บลจ.ธนชาต ที่มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามเดิม ขณะที่ราคาน้ำมันก็ได้ปรับลดลงมามากแล้ว เป็นระดับที่น่าสนใจสำหรับการเก็งกำไร แต่การเก็งกำไรกองทุนน้ำมันในช่วงนี้มีความเสี่ยงจากการ Rollover สัญญาฯ ใหม่ของกองทุนหลัก DBO เราจึงแนะนำทางเลือกที่น่าสนใจอย่างกองทุน ONE-OIL ที่ลงทุน Oil Futures ในตลาด TFEX และใช้ราคาอ้างอิงจะเป็นราคาน้ำมันดิบ Brent แทน ซึ่งลักษณะของกองทุนมีความง่ายต่อการเก็งกำไรมากกว่ากองทุนน้ำมันอื่นๆ