สำนักงาน ก.ล.ต. เผย ปี 54 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โตอีก 7.3% พบนายจ้าง ลูกจ้าง เพิ่มขึ้นสูงสุดรอบ 5 ปี ในขณะที่ master pooled fund ได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ยังรับความเสี่ยงได้น้อย หลังการลงทุนตราสารหนี้ ยังเป็นทางเลือกลงทุนส่วนใหญ่
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยภาพรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปี 2554 ที่ผ่านมาว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราการเติบโตจะชะลอตัวลงเล็กน้อย ขณะที่จำนวนนายจ้างและจำนวนสมาชิกกองทุนมีอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการขยายตัวในการจัดให้มีการออมเงินเพื่อวัยเกษียณผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบว่าในปี 2554 สมาชิกนิยมคงเงินและรับเงินเป็นงวดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับการจัดให้มี employee’s choice แก่สมาชิกซึ่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มจะขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต ทั้งจากจำนวนกองทุนที่มีหลายนโยบายการลงทุน (master fund) และจำนวนนายจ้างที่เข้าร่วมในกองทุน
ดังกล่าวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การยกเลิกกองทุนเดิมที่มีนโยบายการลงทุนเดียว เพื่อเข้าร่วมกองทุนหลายนายจ้างที่มีหลายนโยบายการลงทุน (master pooled fund) เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนกองทุนลดลงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปี 2554 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ สิ้นปี 2554 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ที่ 615,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงจากผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลดลงและจำนวนเงินจ่ายออกจากกองทุนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับการจัดสรรเงินลงทุน ณ สิ้นปี 2554 ประเภทหลักทรัพย์ที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ตราสารหนี้ (72.7% ของ NAV) ตามด้วยเงินฝาก (12.2%) และตราสารทุน (11.4%) โดยสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตามการลดลงของมูลค่าตราสารในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในเงินฝากปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 นอกจากนี้ ยังพบว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพนิยมลงทุนในตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินมากขึ้น
การลงทุนในต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2554 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมียอดคงค้างการลงทุนในต่างประเทศทั้งสิ้น 1,495 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.2% ของ NAV โดยเป็นการลงทุนในหน่วยลงทุน 62.1% ตราสารหนี้ 27.8% และเงินฝาก 10.1%
สำหรับการส่งเงินและจ่ายเงินออกของกองทุน พบว่า ในปี 2554 เงินสะสมและเงินสมทบที่นำส่งเข้ากองทุนปรับเพิ่มขึ้น 10.5% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนเงินที่จ่ายออกจากกองทุนเพิ่มขึ้น 23.3% จากปีที่ผ่านมา โดยประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินที่จ่ายออกมาจากเหตุสิ้นสมาชิกภาพเพราะเกษียณอายุ
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2554 มีสมาชิกที่ขอคงเงินไว้ในกองทุนทั้งสิ้น 3,338 คน จาก 267 กองทุน คิดเป็นยอดเงินทั้งสิ้น 4,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.3% จากสิ้นปีที่ผ่านมา ขณะที่มีสมาชิกขอรับเงินเป็นงวดทั้งสิ้น 108 คน จาก 14 กองทุน คิดเป็นยอดเงินทั้งสิ้น 334 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าตัวจากสิ้นปีที่ผ่านมา
ในส่วนจำนวนนายจ้าง จำนวนลูกจ้าง และจำนวนกองทุนนั้น ณ สิ้นปี 2554 มีนายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งสิ้น 11,249 ราย เพิ่มขึ้น 12.8% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนสมาชิกกองทุนทั้งสิ้น 2.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.7% จากปีที่ผ่านมา
ณ สิ้นปี 2554 มีจำนวนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งสิ้น 453 กองทุน ลดลงจากปีก่อนหน้า 16 กองทุน (ตั้งกองใหม่ 5 กองทุน เลิกกองทุน 21 กองทุน) โดยเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาสาเหตุหลักเนื่องจากการเลิกกองทุนทีมีนโยบายการลงทุนเดียวเพื่อเข้าร่วมกองทุน master pooled fund และเมื่อพิจารณาประเภทกองทุนและขนาดกองทุนพบว่า 61.6% ของกองทุนทั้งหมดเป็นกองทุนหลายนายจ้าง (pooled fund และ group fund) 81.9% เป็นกองทุนขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านบาท และ 78.4% เป็นกองทุนที่มีจำนวนสมาชิกกองทุนมากกว่า 500 คน
สำหรับการจัดให้มี employee’s choice ณ สิ้นปี 2554 มีจำนวนนายจ้างที่มี employee’s choice ทั้งสิ้น 3,348 ราย เพิ่มขึ้น 89.7% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่มี master fund ทั้งสิ้น 93 กองทุน เพิ่มขึ้น 24.0% จากปีที่ผ่านมา โดยนโยบายการลงทุนที่สมาชิกนิยมเลือกยังคงเป็นนโยบายผสมและนโยบายตราสารหนี้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยภาพรวมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปี 2554 ที่ผ่านมาว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แม้ว่าอัตราการเติบโตจะชะลอตัวลงเล็กน้อย ขณะที่จำนวนนายจ้างและจำนวนสมาชิกกองทุนมีอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีของการขยายตัวในการจัดให้มีการออมเงินเพื่อวัยเกษียณผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังพบว่าในปี 2554 สมาชิกนิยมคงเงินและรับเงินเป็นงวดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับการจัดให้มี employee’s choice แก่สมาชิกซึ่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มจะขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต ทั้งจากจำนวนกองทุนที่มีหลายนโยบายการลงทุน (master fund) และจำนวนนายจ้างที่เข้าร่วมในกองทุน
ดังกล่าวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การยกเลิกกองทุนเดิมที่มีนโยบายการลงทุนเดียว เพื่อเข้าร่วมกองทุนหลายนายจ้างที่มีหลายนโยบายการลงทุน (master pooled fund) เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้จำนวนกองทุนลดลงต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพในปี 2554 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ สิ้นปี 2554 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอยู่ที่ 615,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% จากปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงจากผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลดลงและจำนวนเงินจ่ายออกจากกองทุนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับการจัดสรรเงินลงทุน ณ สิ้นปี 2554 ประเภทหลักทรัพย์ที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ตราสารหนี้ (72.7% ของ NAV) ตามด้วยเงินฝาก (12.2%) และตราสารทุน (11.4%) โดยสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนปรับลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตามการลดลงของมูลค่าตราสารในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในเงินฝากปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 นอกจากนี้ ยังพบว่ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพนิยมลงทุนในตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงินมากขึ้น
การลงทุนในต่างประเทศ ณ สิ้นปี 2554 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมียอดคงค้างการลงทุนในต่างประเทศทั้งสิ้น 1,495 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.2% ของ NAV โดยเป็นการลงทุนในหน่วยลงทุน 62.1% ตราสารหนี้ 27.8% และเงินฝาก 10.1%
สำหรับการส่งเงินและจ่ายเงินออกของกองทุน พบว่า ในปี 2554 เงินสะสมและเงินสมทบที่นำส่งเข้ากองทุนปรับเพิ่มขึ้น 10.5% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนเงินที่จ่ายออกจากกองทุนเพิ่มขึ้น 23.3% จากปีที่ผ่านมา โดยประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินที่จ่ายออกมาจากเหตุสิ้นสมาชิกภาพเพราะเกษียณอายุ
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2554 มีสมาชิกที่ขอคงเงินไว้ในกองทุนทั้งสิ้น 3,338 คน จาก 267 กองทุน คิดเป็นยอดเงินทั้งสิ้น 4,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.3% จากสิ้นปีที่ผ่านมา ขณะที่มีสมาชิกขอรับเงินเป็นงวดทั้งสิ้น 108 คน จาก 14 กองทุน คิดเป็นยอดเงินทั้งสิ้น 334 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 7 เท่าตัวจากสิ้นปีที่ผ่านมา
ในส่วนจำนวนนายจ้าง จำนวนลูกจ้าง และจำนวนกองทุนนั้น ณ สิ้นปี 2554 มีนายจ้างที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งสิ้น 11,249 ราย เพิ่มขึ้น 12.8% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนสมาชิกกองทุนทั้งสิ้น 2.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.7% จากปีที่ผ่านมา
ณ สิ้นปี 2554 มีจำนวนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทั้งสิ้น 453 กองทุน ลดลงจากปีก่อนหน้า 16 กองทุน (ตั้งกองใหม่ 5 กองทุน เลิกกองทุน 21 กองทุน) โดยเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาสาเหตุหลักเนื่องจากการเลิกกองทุนทีมีนโยบายการลงทุนเดียวเพื่อเข้าร่วมกองทุน master pooled fund และเมื่อพิจารณาประเภทกองทุนและขนาดกองทุนพบว่า 61.6% ของกองทุนทั้งหมดเป็นกองทุนหลายนายจ้าง (pooled fund และ group fund) 81.9% เป็นกองทุนขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านบาท และ 78.4% เป็นกองทุนที่มีจำนวนสมาชิกกองทุนมากกว่า 500 คน
สำหรับการจัดให้มี employee’s choice ณ สิ้นปี 2554 มีจำนวนนายจ้างที่มี employee’s choice ทั้งสิ้น 3,348 ราย เพิ่มขึ้น 89.7% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่มี master fund ทั้งสิ้น 93 กองทุน เพิ่มขึ้น 24.0% จากปีที่ผ่านมา โดยนโยบายการลงทุนที่สมาชิกนิยมเลือกยังคงเป็นนโยบายผสมและนโยบายตราสารหนี้